เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 450 ล้านบาท โตอย่างน้อย 10% พร้อมคงอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 85% เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ เผยไตรมาสแรกกระแสตอบรับดีทั้งช่องทาง Call Center 1145 และ Direct Service พร้อมส่ง Operation BIM บุกร้านยา เล็งขยายรายการทีวีโปรโมตผลิตภัณฑ์ ประกาศจ่ายปันผล 100% ของกำไรสุทธิ 5 ปีซ้อน
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพ และความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท และคงอัตราส่วนกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 85%
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกผลิตภัณฑ์ Operation BIM มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ และส่งผลให้ยอดขายโดยรวมมีการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลจากการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ่านรายการภูมิสมดุล รายการสุขและสวย ทางสถานีโทรทัศน์ ททบ.5 ทำให้ยอดขายทาง Call Center 1154 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่ช่องทาง Direct Service เองก็มียอดขายเติบโตมากขึ้น โดยนอกเหนือจากการจำหน่ายตามช่องทางปกติแล้ว กลุ่มสมาชิก Direct Service ยังได้เริ่มทำการตลาด และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทาง Online ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์ ThBalance, Balanc, BIM A, BIM D และ BIM E วางจำหน่ายในร้านยาฟาสซิโน จำนวน 80 สาขาแล้ว และอยู่ระหว่างการประเมินกระแสตอบรับเพื่อวางกลยุทธ์การตลาดต่อไป และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง APCO จะมีการจัดกิจกรรม และโปรโมชันต่อกลุ่มผู้แนะนำผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพิ่มรายการโทรทัศน์ในช่องที่มีความนิยมสูง ทั้งทางช่องดิจิตอลทีวี และฟรีทีวี
“ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี ซึ่งเราจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทค่อยๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น มีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เข้ามาติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาที่ BIM Healthcare Center มากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย BIM A, Balanc, BIM D และ BIM O” ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 58 บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 409.25 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 425 ล้านบาท หรือประมาณ 3.89% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 100.62 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 118.76 ล้านบาท หรือประมาณ 15.28% โดยสาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากการชะลอตัวของตลาด และกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การขายอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับสถานการณ์ และส่งผลให้มีการฟื้นตัวของยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.0347 บาท หรือคิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ ซึ่งถือเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่บริษัทจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราดังกล่าว โดยบริษัทจะกำหนดวัน Record Date วันที่ 21 เมษายน 2559 และปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เมษายน 2559 และจ่ายปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้