นักลงทุนจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบรรดาธนาคารกลางชาติต่างๆ ช่วงผลักดันราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม หรือทำให้เกิดสงครามค่าเงิน ประเมินหากราคาปรับเพิ่มไม่ทะลุแนวต้าน1,300 เหรียญ แนะนำทยอยทองคำแบ่งขายลดเสี่ยง
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำ ว่า ราคามีการแกว่งตัว และดีดตัวรับข่าวธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE)เพิ่ม ขณะเดียวกัน ECB ได้มีการส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพราะมาตรการที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยกระตุ้นตัวเลขเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่งผลให้สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นตาม อย่างไรก็ตาม การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำยังเคลื่อนไหวได้ไม่มาก เพราะนักลงทุนยังจับตาเฝ้าดู โดยเฉพาะการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
ดังนั้น ในช่วงนี้ประเด็นการประชุมของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตา รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำให้ค่าเงินของตนเองอ่อนค่าลง เพราะต่างหวั่นว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่่สงครามค่าเงินระหว่างประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะการประชุมของธนาคารกลางญี่ปน (BOJ) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) รวมถึง FED
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ เพราะจะบ่งบอกถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ย จะเป็นเช่นใด เช่น ดัชนีผู้ผลิต และดัชนีผู้บริโภค รวมถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนควรควบคุมความเสี่ยง โดยใช้เงินลงทุนในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยพิจารณาส่วนแนวรับ 1,240 เหรียญ/ออนซ์ เป็นส่วนแนวรับในการเข้าซื้อราคาทองคำ หากราคาไม่หลุดจากแนวรับดังกล่าว ยังประเมินว่าราคายังเคลื่อนไหวในรูปแบบSideway up โดยหากยังสามารถขยับขึ้นไปถึงแนวต้าน 1,300 เหรียญ/ออนซ์ ได้ราคาอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไปได้อีก แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวอาจทยอยนำทองคำออกมาขายเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากผ่านได้สามารถชะลอการขายไปทำกำไรที่บริเวณ 1,330-1,340 เหรียญ/ออนซ์ ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาทิศทางค่าเงินบาทเนื่องจากที่ผ่านมาค่าเงินเริ่มแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้การขยับขึ้นของราคาทองคำต่างประเทศค่อนข้างจำกัด