EA ยักษ์ใหญ่พลังงานสีเขียวของเมืองไทย วางเป้ารายได้ปี 59 โต 30% กำลังการผลิตแตะ 404 MW พร้อมเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 260 MW มูลค่า 2 หมื่นล้าน ดันกำลังผลิตเพิ่มเป็น 664 MW ในปี 61 มั่นใจหนุนรายได้ กำโรเติบโตก้าวกระโดด
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติรับทราบความคืบหน้าการก่อสร้างและอนุมัติงบประมาณและรายละเอียดการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ภายใต้ชื่อ “โครงการหาดกังหัน 1-3” โดยมีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นเงินรวมเทียบเท่าเงินบาทประมาณ 10,400 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าประมาณ 171 ล้านเหรียญสหรัฐ และค่าใช้จ่ายในประเทศประมาณ 4,333 ล้านบาท ซึ่งได้ทยอยลงทุนมาตั้งแต่กลางปี 58 แล้ว ใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน จำนวน 7,280 ล้านบาท และเป็นเงินทุน จำนวน 3,120 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10,400 ล้านบาท
โครงการหาดกังหัน 1-3 อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด (EWHK3) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA ดำเนินการลงทุนในโครงการหาดกังหัน 1 ขนาด 36 เมกะวัตต์ โครงการหาดกังหัน 2 ขนาด 45 เมกะวัตต์ และโครงการหาดกังหัน 3 ขนาด 45 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 126 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช โดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) 3.50 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ปี โดยกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในวันที่ 14 มิ.ย.59 สำหรับโครงการหาดกังหัน 1 โครงการหาดกังหัน 2 จ่ายไฟฟ้า 29 ก.ค.59 และโครงการหาดกังหัน 3 เริ่มจ่ายไฟฟ้า 14 ก.ค.59
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีมติอนุมัติงบประมาณและรายละเอียดการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมของบริษัทย่อยทางอ้อม ภายใต้ชื่อ “โครงการหนุมาน 1, 5, 8, 9, 10” ขนาดรวม 260 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นเงินรวมเทียบเท่าเงินบาทประมาณ 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายนำเข้าอุปกรณ์ประมาณ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายในประเทศประมาณ 8,300 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ยืมสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินต่างๆ เป็นเงิน 15,000 ล้านบาท และอีก 5,000 ล้านบาท เป็นเงินทุนของบริษัทย่อยที่ดำเนินโครงการ
โดยบริษัทฯ ได้รับลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.แล้วเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 EA จะลงทุนผ่านบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท 5 บริษัท โครงการทั้ง 5 จะได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) 3.50 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันเริ่มขายไฟฟ้า (COD) ทั้งนี้ กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) จะทะยอยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน เมษายน 2561 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2558 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้นโดยแบ่งเป็นเงินปันผล จำนวน 0.05 บาทต่อหุ้น จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และเงินปันผล จำนวน 0.05 บาทต่อหุ้น จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 22 มี.ค.2559 กำหนดวันจ่ายปันผลวันที่ 27 พ.ค.2559
ขณะเดียวกัน ยังมีมติอนุมัติและให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้เดิมของบริษัท เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย และใช้ในการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทในเครือ
“ในปีนี้ บริษัทฯ จะเร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 โครงการ และจังหวัดสงขลา อีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ ให้แล้วเสร็จ ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนในครั้งปีหลังบริษัทฯ จะเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่จังหวัดชัยภูมิ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ส่วนเป้าหมายรายได้ในปี 2559 คาดว่าจะเติบโตขึ้น 30% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์ฟาร์มที่จังหวัดพิษณุโลก กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ซึ่งติดตั้งระบบหมุนตามดวงอาทิตย์ และโครงการพลังงานลมที่ภาคใต้ กำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ ทำให้ในปี 2559 นี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 404 เมกะวัตต์ และในปี 2561 กำลังการผลิตโดยรวมจะเพิ่มเป็น 664เมกะวัตต์”
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯมีรายได้รวม 9,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,611 ล้านบาท หรือ 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 7,601.27 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,078 ล้านบาท หรือ 67% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท