“คลัง” ปิดบัญชีจำนำข้าวปี 58 ยอมรับผลการขาดทุนมากกว่าการสรุปครั้งก่อน พร้อมรายงานตัวเลขนายกฯ แย้มเบื้องต้นขาดทุนเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1 แสนล้านบาท สูงกว่าการคำนวณครั้งก่อนที่ 6.8 แสนล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 2/2559 ทั้ง 15 โครงการ ตั้งแต่ปี 2547 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยระบุว่า ในที่ประชุมได้ข้อสรุปตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้งหมด หลังจากปิดบัญชีโครงการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งยอมรับความเสียหายจะสูงกว่าการคำนวณครั้งก่อนที่ 680,000 ล้านบาท แต่ความเสียหายที่เพิ่มขึ้นจะไม่สูงขึ้นอีก 100,000 ล้านบาท เนื่องจากคุณภาพข้าวเสื่อมลง
สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ผลการขาดทุนที่สูงขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเช่าที่ ค่าใช้จ่ายด้านการคลัง ประกอบกับขายข้าวลดลง ขณะที่มีค่าเสื่อมสูงขึ้น พร้อมยอมรับข้าวในสต๊อกขณะนี้มีคุณภาพเสื่อมลง การระบายข้าวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ผลขาดทุนในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ราคาขายข้าวในตลาดตกต่ำเมื่อรวมกับภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และค่าเช่าโกดังเก็บสต๊อกข้าว จึงทำให้เกิดความเสียหายสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณข้าวจะไม่หายไปจากโกดังตามกระแสก็ตาม
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขความเสียหายจริงได้ เนื่องจากต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบวันนี้ (8 มี.ค.) ก่อน และจะรายงานให้คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในสัปดาห์หน้า
“ตัวเลขขาดทุนยังไม่ขอเปิดเผย ขอเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนสัปดาห์หน้า เบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อรูปคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยที่ประชุมเสนอให้ตั้งงบประมาณชดใช้คืนรัฐบาลภายใน 4 ปี”
นอกจากนี้ เตรียมเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานดูแลฐานข้อมูลหลักที่ใช้ในการปิดบัญชีจำนำข้าว และบริหารสต๊อกข้าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดประชุมไตรมาสละครั้ง จากเดิมประชุมปีละครั้ง เพื่อปิดบัญชีจำนำข้าวรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาต่อไป ส่วนการระบายข้าวนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์