SPCG โชว์ผลประกอบการปี 58 รายได้ทะยาน 5 พันล. กำไรสุทธิ 2.4 พันล. พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังหุ้นละ 0.81 บาท เตรียมเซ็นสัญญาญี่ปุ่น 100 เมกะวัตต์ และร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มอีก 30 เมกะวัตต์ ที่พม่า ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 5.5 พันล.
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2558 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 5,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2557 ที่ 4,357 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,465 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,889 ล้านบาท ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมาจากรายได้การขายและการบริการ รวมถึงจำนวนการผลิตกระไฟฟ้าเพื่อขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าบริษัทฯ ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้ 100 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการหาพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสม และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศพม่า กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ เป็นการร่วมทุนกับบริษัทในพม่า ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้เช่นกัน โดยปี 2559 บริษัทคงเป้าหมายรายได้ที่ 5,500 ล้านบาท โดยมีงบลงทุน 1,000 ล้านบาท หากมีโครงการที่น่าสนใจบริษัทฯ ก็พร้อมจะลงทุนทันที เนื่องจากมีเงินทุนที่เตรียมไว้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แผน 5 ปี (58-62) บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 261 เมกะวัตต์ และที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นอีก 100 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือไม่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ระดับ 9 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุสาหกรรมเดียวกัน นับเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังจากผลการดำเนินงานระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.81 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) และไม่มีสิทธิประชุมผู้ถือหุ้น (XM) ในวันที่ 10 มี.ค. และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พ.ค.
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2558 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 5,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2557 ที่ 4,357 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,465 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,889 ล้านบาท ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมาจากรายได้การขายและการบริการ รวมถึงจำนวนการผลิตกระไฟฟ้าเพื่อขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าบริษัทฯ ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้ 100 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการหาพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสม และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศพม่า กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ เป็นการร่วมทุนกับบริษัทในพม่า ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้เช่นกัน โดยปี 2559 บริษัทคงเป้าหมายรายได้ที่ 5,500 ล้านบาท โดยมีงบลงทุน 1,000 ล้านบาท หากมีโครงการที่น่าสนใจบริษัทฯ ก็พร้อมจะลงทุนทันที เนื่องจากมีเงินทุนที่เตรียมไว้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แผน 5 ปี (58-62) บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 261 เมกะวัตต์ และที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นอีก 100 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือไม่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ระดับ 9 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุสาหกรรมเดียวกัน นับเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังจากผลการดำเนินงานระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.81 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) และไม่มีสิทธิประชุมผู้ถือหุ้น (XM) ในวันที่ 10 มี.ค. และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พ.ค.