TACC โชว์ผลงานปี 58 สุดโดดเด่น ฟาดกำไรสุทธิ 67.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 31.07% ขณะที่บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเอาใจผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น เปิดแผนปี 59 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% ลุยติดตั้งโถกดเครื่องดื่มร้อนในเซเว่น พร้อมเดินหน้าบุกตลาดเออีซี
บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ผู้ผลิต และจัดหาเครื่องดื่มชา และกาแฟรายใหญ่ในเซเว่น เผยปี 58 กวาดรายได้กว่า 1,004.44 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.11 ล้านบาท หรือ 31.07% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน “ชัชชวี วัฒนสุข” ตั้งเป้าปี 59 รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หลังเปิดตัวสินค้าใหม่ “โถกดเครื่องดื่มร้อน” ในเซเว่น ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเมืองไทยที่มีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ ตั้งเป้าติดตั้ง 740 เครื่องภายในปีนี้ ดันยอดขายกระฉูด พร้อมส่งสินค้า B2C บุกตลาดต่างประเทศ ยึดหัวหาดใน “กัมพูชา-ลาว-จีน” รองรับเปิด AEC ดันสัดส่วนรายได้จากต่างแดนปีนี้ขยับเพิ่มเป็น 12% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8% บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นเตรียมรับทรัพย์ 19 พ.ค.นี้
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) ผู้ผลิต และจัดหาเครื่องดื่มชา และกาแฟรายใหญ่ในเซเว่น เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 บริษัทฯ มีรายได้จากยอดขายอยู่ที่ 260.50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13.66 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2558 มีรายได้จากยอดขาย จำนวน 1,004.44 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 67.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.07 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 51.84 ล้านบาท
“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขาย และรายได้ของบริษัทฯ ทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการผลิตสินค้าจากโรงงานผลิตเครื่องดื่มปรุงสำเร็จของบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง อีกทั้งยังมีการควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการขายอย่างรัดกุม จึงทำให้ปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากยอดขายที่ใกล้เคียงกัน” นายชัชชวี กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทฯ เตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจ “เครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ” (Vending Machine) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนประเภทชา และกาแฟในร้าน 7-Eleven เพิ่มอีก 740 เครื่อง จากปีที่ผ่านมาติดตั้งไปแล้ว 10 เครื่อง ซึ่งกระแสตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก หลังจากได้มีการทดสอบตลาดไปแล้ว และในปี 2560 ติดตั้งเพิ่มอีก 750 เครื่อง กระจายตามสาขาของ 7-Eleven ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,500 เครื่อง โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท
“หลังจากที่เราได้ติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติเพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มร้อนประเภทชา และกาแฟในร้าน 7-Eleven กระจายตามมุมเมืองของกรุงเทพฯ 10 สาขา ในปลายปีที่ผ่านมา กระแสตอบรับของผู้บริโภคดีมาก เพราะเครื่องดื่มร้อนของเราไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชาเขียว โกโก้ ได้มีการคิดค้น และพัฒนาสูตรมาเป็นอย่างดีจากทีมงานวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่ม ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมถูกคอผู้บริโภค ผมมั่นใจว่าหลังจากที่เราทยอยติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มตามแผน รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากโปรดักต์นี้” นายชัชชวี กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจัยหนุนสำคัญมาจากรายได้จากธุรกิจที่มีการร่วมพัฒนา (B2B) ร่วมกับ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นคู่ค้าพันธมิตร หลังติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติเพิ่มอีก 740 เครื่องในปีนี้ โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จาก B2B ในปีนี้จะอยู่ที่ 80-85% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือ 15-20% เป็นรายได้ที่มาจากสินค้าที่จำหน่ายออกสู่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชาเขียว “เซนย่า” กาแฟ “วี-สลิม” เครื่องดื่ม “ณ อรุณ” และเครื่องดื่ม “สวัสดี”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเตรียมขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นในปีนี้ รองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา จีน และลาว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้เพิ่มเป็น 12% จากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 8% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2558 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 เมษายน 2559 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อการรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 29 เมษายน 2559 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2559