หุ้นไทยปิดบวก 6 จุด โดยมีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นแบงก์ และสื่อสาร แม้มีแรงขายหุ้นพลังงาน ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า ดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่อง 4 วันทำการ นักวิเคราะห์ฯ คาดรับปัจจัยเม็ดเงินไหลเข้าเอเชีย ซึ่งจะยังผลักดันตลาดปรับขึ้นได้อีกในเดือน มี.ค. ขณะที่ผลประกอบการ และปันผล บจ.ของไทยไม่ได้เลวร้าย มองดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อแบบ sideways up พรุ่งนี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,345 และแนวรับ 1,325 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้า และการซื้อคืน (cover short) ขณะที่การประกาศผลประกอบการ และการจ่ายปันผลของ บจ.ไม่ได้เลวร้ายมากนัก รวมถึงยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่ยัง Laggard ในกลุ่มต่างๆ ด้วย
“มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นได้ต่อในเดือน มี.ค.นี้ โดยจะปรับขึ้นไปเคลื่อนไหวในระดับ 1,350-1,380 จุด มีตัวแปรสำคัญ คือ ตลาดหุ้นในยุโรป และสหรัฐฯ ที่เป็นทิศทางขาลง หลังตลาดหุ้นยุโรปยังมีปัจจัยถ่วงจากการลงประชามติเกี่ยวกับสมาชิกภาพของอังกฤษในสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่า และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นยุโรป underperform ในช่วงครึ่งแรกปีนี้”
นอกจากนี้ ในช่วงเดือน มี.ค.มีปัจจัยบวกจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค. ตลาดฯ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากระดับ -0.3% เป็น -0.4% และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 16 มี.ค.จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 23 มี.ค. คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ซึ่งนับเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้น และน่าจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ากลับเข้ามาในเอเชีย หลังจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางอ่อนค่า และต่างชาติ underweight ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets) ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,331.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.46% มูลค่าการซื้อขาย 43,349.09 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ ยังคาดการณ์ด้วยว่า ในช่วงเดือน มี.ค.ต่างชาติน่าจะยังเข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอีกราว 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกในช่วงนี้ และในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ที่คาดว่าตลาดจะเป็นลักษณะ sideways up โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,345 จุด และแนวรับที่ 1,325 จุด