xs
xsm
sm
md
lg

GBS มอง SET Index เดือน ก.พ.ได้แรงซื้อเก็งกำไรประกาศงบฯ และหุ้นที่ปันผลดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยเดือน ก.พ.ได้แรงซื้อดักแจ้งผลประกอบการ และประกาศจ่ายปันผลงวดปี 58 พยุงไม่ให้ลงแรง จากแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาหนี้กรีซส่อล้มละลาย และออกจากยูโรโซน และล่าสุด เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้ มองกรอบดัชนี 1,270-1,320 จุด ส่วนราคาทองมีแนวโน้มขึ้นต่อจากการกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคง

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยในในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 59 คาดว่าจะมีแรงซื้อดักงบ และปันผลปี 58 ที่จะทยอยประกาศในเดือน ก.พ. ช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรงมากนัก จากแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขการขอรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ ซึ่งอาจทำให้กรีซล้มละลาย และออกจากยูโรโซน

ทั้งนี้ ล่าสุด นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมากล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า เนื่องจากปัจจัยจากสภาวะที่ตึงตัวในตลาดการเงินที่มีสาเหตุจากการดิ่งลงของราคาหุ้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระดับโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้อ่อนแอลง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อทิศางดอกเบี้ย ประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวนสูง จาก Oversupply และกลุ่มใน-นอกโอเปกไม่สามารถตกลงมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันกันได้

ดังนั้น ประเมินกลยุทธ์การลงทุนซื้อดักงบ และปันผลปี 2558 ที่จะทยอยประกาศในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรงมากนัก โดยคาดว่า SET ในเดือนกุมภาพันธ์จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,270-1,320 จุด

โดยประเมินว่าหุ้นที่เด่นน่าสนใจ อันดับแรก KCE โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าในปี 2559 จะเป็นปีที่บริษัทเติบโตอย่างมากหลังจากบริษัทจากการเปิดใช้โรงงานใหม่เฟส 2 ได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/2559 ที่ช่วยประหยัดต้นทุนรวมถึงอัตราการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 2559 จากความต้องการสินค้าที่มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมากเทียบกับปี 2558 โดยจะเติบโตมากในช่วงไตรมาส 3/2559 หลังจากค่าใช้จ่ายคงที่หมดลง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย คาดว่า ปีนี้บริษัทจะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,792 ล้านบาทเติบโต 26% เทียบจากปีก่อน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คาดว่าปี 59 จะเป็นปีที่โดดเด่นอีกปีหนึ่งของบริษัท จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 91 บาท

รองลงมาหุ้น PTT ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรปี 2559 จะกลับมาเติบโต 203% สู่ 66,590 ล้านบาทเนื่องจากราคาน้ำมัน และราคาโอเลฟินส์เริ่มทรงตัว อีกทั้งคาดว่าจะไม่มีการบันทึกด้อยค่าในสินทรัพย์เหมือนปี 2558 นอกจากนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้มีความต้องการน้ำมันมาใช้สร้างความอบอุ่นทำให้มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะรีบาวนด์ได้ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจสำรวจและผลิตของ PTT จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 307 บาท

และหุ้น SYNEX ฝ่ายวิจัย คาดว่า ปี 2558 จะรายงานกำไรสุทธิราว 337 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 86% จากปี 2557 เนื่องจาก ปี 2558 มีการจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่แบรนด์ HUAWEI อีกทั้งยอดขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์กเติบโตขึ้นอย่างมาก อีกทั้งมีการพัฒนาการทำงานของคลังสินค้า และการบริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ช่วยหนุนกำไรเพิ่มเติม สำหรับปี 2559 คาดรายได้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 5-8% จากการขยายตลาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เกี่ยวข้องไปยังภาครัฐเพิ่มขึ้น เพราะในปี 2559 ภาครัฐยังคงมีการขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท

ส่วนอันดับสุดท้าย หุ้น PS ซึ่งเป็นผู้นำตลาดบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำไห้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาฯ คาดกำไรปี 2558 ราว 7.5 พันล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปี 2557 ที่มีกำไร 6.65 พันล้านบาท เติบโต 13% แนวโน้มกำไรยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 1/2559 เนื่องจากมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาฯ จะสิ้นสุดปลายเดือนเมษายน 2559

นอกจากนี้ ยังแนะนำ Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวก และซื้อสะสมหุ้นที่งบเติบโตขึ้น เช่น กลุ่ม High Dividend อาทิ INTUCH, ADVANC และ KTB กลุ่ม High Season การท่องเที่ยว และต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง AOT, BA และ AAV รวมทั้งกลุ่มที่คาดว่างบปี 58 และไตรมาส 4/2558 เติบโตขึ้น เช่น EPG, FSMART, KCE, TVT, BEAUTY, EA, SYNEX, SPALI, ORI และ UBIS

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยที่เข้ามากระทบ ได้แก่ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ในเดือนมกราคม จากระดับ 262,000 ตำแหน่ง ในเดือนธันวาคม (พ.ศ.2558) ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง บวกกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาน้ำมันดิบปรับลงอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังไม่มีแนวโน้มตกลงกันได้เกี่ยวกับการใช้มาตรการลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมัน

อีกทั้ง IEA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ และระบุว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะยังคงอยู่ต่อไปได้สร้างความกังวลถึงผลกระทบต่อกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และบริษัทพลังงานทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรง ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นเข้ามาลงทุนในทองคำแทน

ขณะที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมากล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า เนื่องจากปัจจัยจากสภาวะที่ตึงตัวในตลาดการเงินที่มีสาเหตุจากการดิ่งลงของราคาหุ้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระดับโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้อ่อนแอลง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อทิศางดอกเบี้ย ขณะที่ถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยราคาทองฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่หลังพักตัวลดความร้อนแรงไม่หลุดแนวรับขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน การขึ้นมาทำจุดสูงใหม่ด้วยการต่อยอดขาขึ้นแท่งเทียนสัญญาณบวก และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้นทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อโดยให้แนวรับ 1,170-1,165 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,260-1,265 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น