“รมว.คลัง” มอบนโยบาย “เอสเอ็มอีแบงก์” ดูแลผู้ประกอบการให้ทั่วถึง พร้อมเพิ่มศักยภาพ พอใจแผนงานใหม่ และการลดหนี้เสียปีละ 4-5% ซึ่งถือว่าเยอะมาก และดีแล้ว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการดำเนินงานธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ โดยระบุว่า ตนเองได้สั่งการให้เอสเอ็มอีแบงก์ดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วประเทศ โดยเฉพาะรายเล็กที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินโดยทั่วไปได้ ทั้งการให้สินเชื่อ และความรู้ และต้องทำหน้าที่ให้แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ จากการรายงานของเอสเอ็มอีแบงก์ ยอมรับว่า เป็นแผนงานที่ดี โดยได้สั่งให้เอสเอ็มอีแบงก์เร่งสร้างความเข้มแข็ง เนื่องจากปัจจุบันคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ได้ให้เอสเอ็มอีแบงก์สร้างความเข้มแข็งในอนาคต เพราะปัจจุบันมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงถึงกว่า 20% ดังนั้น จะต้องทำอย่างไรให้ธนาคารอยู่รอดได้ และเป็นตัวหลักในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้มั่นคง
“แผนงานของเอสเอ็มอีแบงก์ โดยเฉพาะการลดหนี้เสีย ระบุว่า จะลดปีละ 4-5% ซึ่งถือว่าเยอะมาก และดีแล้ว เพราะการจะทำให้หนี้เสียลดลงทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ โดยการดูแลนั้นคงต้องดูแต่ละรายหากรายไหนสามารถแก้ไขได้ อาจเข้าไปดูแล ปรับโครงสร้าง หรือฟื้นฟูแล้วแต่กรณี พร้อมสั่งการให้เอสเอ็มอีแบงก์ดูแลในเรื่องของเอสเอ็มอีเริ่มต้นที่จะต้องมีการประสานงานกับกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด ส่วนวงเงินก้อนแรกที่ลงทุนนั้นจะเป็นเงินจากรายได้ของกระทรวงการคลัง” นายอภิศักดิ์ กล่าว
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้เสนอ คนร.ให้เห็นชอบเป้าหมาย และแผนการดำเนินงานในปี 2559 โดยตั้งเป้าหมายลดเอ็นพีแอลเหลือไม่เกิน 20% หรือเป็นวงเงินหนี้ 1.8-2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 26% ของสินเชื่อรวมที่ 1.0-1.2 แสนล้านบาท
ด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เปิดเผยว่า รมว.คลัง ได้มอบนโยบายแก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ดังนี้
1.ธพว.ควรดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง คือ การเติมเต็มช่องว่างทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ รวมถึงการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาโดยการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การฝึกอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการซึ่งจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการสร้างงานของประเทศ
2.มอบหมายให้กรรมการ และฝ่ายบริหาร ธพว.ดำเนินการวางระบบการบริหาร และกระบวนการในการปล่อยสินเชื่อ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติ และระเบียบของ ธพว.ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อเป็นการวางรากฐาน และสร้างความยั่งยืนให้แก่ ธพว.
3.เห็นควรให้ ธพว.ดำเนินการเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น การจัดทำระบบบัญชีเดียว ระบบ E - Payment เป็นต้น โดยเฉพาะการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
4.เห็นควรให้ ธพว.ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น เช่น ธนาคารออมสิน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป