xs
xsm
sm
md
lg

TNP เผยปี 59 ผุด 4 โครงการ 1,800 ล้าน ดึง SPCG ติดโซลาร์รูฟเพิ่มมูลค่าบ้านสู้ศึกปีลิง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต
ธนาพัฒน์ฯ เดินหน้าเสริมแกร่งเซ็น MOU ดึงเอสพีซีจี ติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าบ้านแก่ลูกค้าในทุกๆ โครงการอนาคต คาดทั้งปีใช้งบติดตั้งโซลาร์รูฟโครงการใหม่ 60 ล้านบาท ยันติดให้ฟรีไม่มีบวกเพิ่มในราคาบ้าน เผยแผนปี 59 ผุด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 1,800 ล้านบาท วางเป้าขาย 1,300 ล้านบาท รับรู้รายได้ 2,000 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 50 ล้านบาท ปรับปรุงอาคารเล้าเป้งง้วน ให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ระบุยังไม่มีแผนปรับขึ้นค่าเช่าแม้มีการปรับปรุงอาคารใหม่

ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กล่าวว่า ได้เซ็น MOU กับบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เพื่อนำระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์รูฟบนหลังคาบ้านมาติดตั้งในโครงการใหม่ๆ ทุกโครงการของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการใช้งบประมาณในการติดตั้งระบบดังกล่าวบนหลังคาดบ้านโครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการ จำนวนประมาณ 1,000 ยูนิต ประมาณ 60 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 200,000 บาท

“การตัดสินใจนำโซลาร์รูฟมาติดตั้งบนหลังค้าบ้านของธนาพัฒน์ เป็นหนึ่งในแนวคิดของการประหยัดพลังงาน และการลดความร้อนในบ้าน ซึ่งให้ประโยชน์แก่ลูกค้าโดยตรง และยังเป็นการสร้างจุดแข็งในการแข่งขัน และเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่บ้านลูกค้า ทั้งนี้ การติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาบ้านลูกค้านั้นทางบริษัทไม่ได้มีการคิดค่าติดตั้ง หรือค่าระบบใดๆ ต่อลูกค้า แต่เป็นการติดตั้งให้ฟรีๆ”

โดยโครงการแรกที่มีการนำระบบโซลาร์รูฟมาติดตั้ง คือ โครงการ เจด พระราม 3 โครงการทาวน์โฮม 4 ชั้น ติดถนนพระราม 3 มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้เปิดขายตั้งแต่ปี 58 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% โดยในจำนวน 80% นี้มีการทยอยโอนไปแล้ว 50% ส่วนที่เหลือ 30% จะทยอยโอนในปีนี้พร้อมๆ กับสต๊อกบ้านที่อยู่ระหว่างการขาย 20% ที่เหลือซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขาย และโอนได้ทั้งหมดในปี 59

ดร.ดลพิวัฒน์ กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 59 ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าขายรวม 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 3 โครงการ ในย่านลาดพร้าว สุขสวัสดิ์ ศาลายา และโครงการบ้านเดี่ยวในย่านลาดพร้าว โดยธนาพัฒน์ตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมียอดขายรวมที่ 1,300 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าจะมียอดรายได้รับรู้ในปีนี้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากค่าเช่าออฟฟิศในอาคารเล้าเป้งง้วน ติดถนนวิภาวิดีรังสิต 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากโครงการ เจด พระราม 3 ประมาณ 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากยอดโอนในโครงการเปิดใหม่ทั้ง 4 โครงการ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ในการปรับปรุงอาคารเล้าเป้งง้วนให้เป็นอาคารกรีนบิวดิง หรืออาคารประหยัดพลังงาน ซึ่งจะมีการปรับปรุงในส่วนของกระจก ซึ่งจะเปลี่ยนมาใช้กระจกตัดแสง เปลี่ยนลิฟต์ขนส่ง และมีการนำแผงโซลาร์เซล หรือโซลาร์รูฟเข้ามาใช้ ซึ่งจะช่วยในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่บริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในการปรับปรุงอาคารใหม่นั้นบริษัทจะดำเนินการให้เกิดผลกระทบต่อผู้เช่าน้อยที่สุด

“การปรับปรุงอาคารเล้าเป้งง้วน ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับขึ้นราคาค่าเช่า แต่เป็นการปรับปรุงอาคารที่มีอายุการใช้งานมานาน และคำนึงถึงคุณภาพการให้บริการ รวมถึงเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในอนาคต ส่วนแผนการปรับค่าเช่าอาคารนั้นขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว แต่แน่นอนว่าในอนาคตจะต้องมีการปรับค่าเช่าขึ้น เนื่องจากออฟฟิศเช่าในโซนดังกล่าวมีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้น และได้รับความนิยมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันอาคารดังกล่าวมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ 95%”
กำลังโหลดความคิดเห็น