“ธนาสิริ” จัดทัพ 5 แบรนด์ใหม่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ครึ่งปีแรกประกาศผุด 3 โครงการ นนทบุรี-กทม. พร้อมรับเออีซีร่วมทุนกลุ่มอีสานพิมานกรุ๊ป จับมือลุยตลาดภาคอีสานเปิดใหม่อีก 1 โครงการที่อุดรธานี รวม 3 โครงการ มูลค่ากว่า 1,415 ล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตอีกกว่า 20%
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA กล่าวว่า ในปี 59 นี้บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีแผนงานการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ ทั้งระบบการขนส่งมวลชนเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน โดยในครึ่งปีแรกมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการ โดยเป็น 2 โครงการใหม่ที่นนทบุรี ได้แก่ ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์-สถานีบางพลู ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต บนเนื้อที่ 8 ไร่ ราคาขายเฉลี่ย 4.3 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 334 ล้านบาท กำหนดเปิดการขายไตรมาสแรกของปีนี้ ธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ทาวน์โฮม 3 ชั้น และบ้านแฝด 3 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 4.9 ล้านบาทต่อยูนิต บนเนื้อที่ 10 ไร่ กำหนดเปิดการขายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มูลค่าโครงการ 375 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่เหลืออีก 1 โครงการ จะเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ในจังหวัดอุดรธานี ได้แก่ โครงการสิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 179 ยูนิต บนเนื้อที่ 39 ไร่ ราคาขายเฉลี่ย 3.9 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 706 ล้านบาท กำหนดเปิดการขายไตรมาสแรกของปีนี้ สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาโดยบริษัท พิมานสิริ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กับกลุ่มบริษัท อีสานพิมานกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท โดยจัดตั้งเมื่อเดือนธันวาคมปี 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ และเป็นเจ้าของโครงการในภาคอีสาน เริ่มต้นที่ จ.อุดรธานี มูลค่าของโครงการที่จะเปิดใหม่ 3 โครงการ รวม 1,415 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่รอการพัฒนาอีก 4 แปลง เช่น ในตำบลบางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี บนเนื้อที่ 26 ไร่ และที่ดินที่หาดกมลา จังหวัดภูเก็ตอีก 105 ไร่
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของปีนี้ คือ การปรับรูปแบบธุรกิจให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้ เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงานให้ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน โดยการวางแผนการทำงานมีแนวคิด 3 แนวทางหลัก คือ ให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ มีการตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายทางการเงินที่ได้กำหนดไว้ โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกันทั้ง 4 ส่วนหลักๆ คือ ประสิทธิภาพในการสร้างรายได้ โดยกำหนดกรอบระยะเวลานับจากวันที่ลูกค้าจอง จนถึงวันโอนกรรมสิทธิ์เป็นจำนวน 45 วัน มีการกำหนดกรอบเวลาของงานก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จโดยเฉลี่ย 5 เดือน โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาโครงการ และสร้างบ้านให้แล้วเสร็จพร้อมขายภายใน 6 เดือน นับจากวันที่บริษัทโอนกรรมสิทธิ์ซื้อที่ดิน ทำสินค้าให้น่าสนใจ
นอกจากนี้ จะเน้นลักษณะโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปประมาณ 15-20 ไร่โดยเฉลี่ย จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการให้มีความเหมาะสม การออกแบบดีไซน์ฟังก์ชันต่างๆ ทั้งในโครงการ รูปแบบบ้าน และภายในตัวบ้านให้โดดเด่น และเป็นจุดแข็งของบริษัท สร้างงบประมาณของสินค้าให้เหมาะสม และสอดคล้องต่อสภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน มีการกำหนดโครงสร้างราคาขายให้เป็นที่น่าสนใจ สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้า การพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงโครงสร้างของต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้กำไรตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ สอดคล้องต่อราคาที่ลูกค้าอยากซื้อ การออกแบบโครงการใหม่ บริษัทคำนึงถึงค่าใช้จ่ายโครงการในระยะยาวที่จะเกิดขึ้น และการพัฒนาสินค้าในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างแบรนด์ใหม่นับตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา เพื่อให้มีความชัดเจน สร้างการจดจำในตราสินค้าของกลุ่มบริษัทผ่านชื่อ “ธนา” (THANA) (เป็นชื่อย่อของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย) โดยใช้ “ธนา” เป็นชื่อนำหน้าโครงการต่างๆ ทุกโครงการ ตามด้วยชื่อลักษณะ หรือรูปแบบโครงการที่แตกต่างออกไป ตามรูปแบบโครงการ ผลิตภัณฑ์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยภาพแบรนด์หลัก (Corporate Brand) บริษัทมีการปรับโลโก้บริษัทใหม่ ภายใต้แนวความคิด “ความสุขที่ดีพอ ในพื้นที่ที่พอดี” (Small is Beautiful) คือ แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นความสำคัญของการสร้างความอบอุ่น และความสุขให้แก่ทุกคนในครอบครัว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยขนาดโครงการพอดี จึงเน้นการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริง ซึ่งนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้านอย่างแท้จริง
ส่วนแบรนด์ย่อยภายใต้การปรับโครงสร้างแบรนด์ใหม่ แบ่งออกเป็น 5 แบรนด์ สำหรับแบ่งแยกตัวสินค้าให้ชัดเจน เหมาะสมต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ได้แก่
1.แบรนด์ “ธนาเรสซิเดนท์” (Thana Residence) เป็นแบรนด์สำหรับโครงการบ้านเดี่ยว ที่ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้ค่อนข้างสูงระดับ B+, A มีรายได้ต่อเดือนที่ 120,000-150,000 บาท เป็นโครงการในอนาคต
2.แบรนด์ “ธนาฮาบิแทต” (Thana Habitat) เป็นแบรนด์สำหรับโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เริ่มต้นครอบครัว ต้องการที่อยู่อาศัยไม่ไกลจากเมือง B, B+ มีรายได้ต่อเดือนที่ 90,000-120,000 บาท โดยโครงการที่เปิดขายแล้ว คือ โครงการธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์-สิรินธร
3.แบรนด์ “ธนาคลัสเตอร์” (Than Cluster) ลักษณะโครงการทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ ที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท เหมาะต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการบ้านในทำเลใกล้เมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอ ระดับรายได้ B, B+ หรือมีรายได้ต่อเดือนที่ 90,000-120,000 บาท มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 2559
4.แบรนด์ “ธนาวิลเลจ” (Thana Village) เป็นแบรนด์สำหรับโครงการบ้านเดี่ยว ที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เหมาะต่อกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านเดี่ยวหลังแรกท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น C+, B+ มีรายได้ต่อเดือนที่ 60,000-100,000 บาท โดยโครงการที่เปิดขายแล้ว คือ โครงการ ธนาวิลเลจ 1 พระราม 5-บางใหญ่ และธนาวิลเลจ 2 พระราม 5-บางใหญ่
5.แบรนด์ “ธนาซิโอ” (Thana Sio) เป็นแบรนด์ทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทาวน์โฮม ใกล้รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ระดับ C, C+ มีรายได้ต่อเดือนที่ 40,000-60,000 บาท โดยโครงการที่เปิดขายแล้ว คือ โครงการธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์
นายสุทธิรักษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ธนาสิริพัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 22 โครงการ 2,241 ยูนิต มูลค่า 7,902 ล้านบาท คิดเป็นราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย 3.58 ล้านบาท โดยมีโครงการที่ปิดการขายไปแล้ว 14 โครงการ จำนวน 1,177 ยูนิต มูลค่า 3,808 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยที่ 3.24 ล้านบาท เป็นโครงการที่จังหวัดนนทบุรี จำนวน 9 โครงการ และที่จังหวัดภูเก็ตอีก 5 โครงการ
สำหรับในปี 58 ที่ผ่านมา ผลประกอบการรอบ 9 เดือนของบริษัทในปี 58 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 654 ล้านบาท โดยประมาณการอัตราการเติบโตของปี 58 ไว้ที่ 30-35% และประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.9% โดยยอดขายดังกล่าวมาจากโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขาย 8 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการในจังหวัดนนทบุรี 7 โครงการ ได้แก่ ธนาสิริ ราชพฤกษ์-ท่าน้ำนนท์, เดอะคลัสเตอร์ วิลล์ 4 ราชพฤกษ์-สิรินธร, ไพร์มเพลส เดอะกรีนเนอรี่-บางใหญ่, ธนาวิลเลจ พระราม 5-บางใหญ่, ธนาวิลเลจ 2 พระราม 5-บางใหญ่, ธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์ และธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์-สิรินธร จำนวน 1,030 ยูนิต มูลค่า 4,021 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 3.9 ล้านบาท และโครงการที่สกลนคร 1 โครงการ คือ สิริวิลเลจ สกลนคร-แอร์พอร์ต จำนวน 34 ยูนิต มูลค่า 73 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 2.14 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 4,094 ล้านบาท
“บริษัทมีนโยบายหลักในการให้ความสำคัญเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งโครงการเป็นอย่างมาก โดยศึกษาจากแนวโน้มการขยายตัวของเส้นทางคมนาคมอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นสำคัญ ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นที่จะพัฒนาเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ในเขตทำเลที่ดี อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ที่สำคัญไม่ห่างไกลจากย่านชุมชน ที่ตั้งของโครงการส่วนใหญ่มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย และมีแผนขยายเครือข่ายคมนาคมอนาคต โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทจะยังคงเน้นทำเลย่านจังหวัดนนทบุรีเป็นหลักต่อไป โดยเรามองว่า โครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐถือเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดนนทบุรี”
ทั้งนี้ โครงการหลักๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเดือน ส.ค.2559 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 (สายบางใหญ่-กาญจนบุรี) บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี กำลังทบทวนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะผ่านการพิจารณากลางปี 59 และจะประกวดราคา ลงนามสัญญาก่อสร้างปลายปี 59, โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ทางพิเศษยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร เริ่มต้นจากถนนกาญจนาภิเษก และปลายทางที่ชุมทางรถไฟบางซื่อ ใกล้สถานีขนส่งหมอชิต 2 ระยะทาง 16.7 กม. มีทางขึ้นลง 6 จุด ก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการทางพิเศษสายนี้ได้ในปี 2559 และโครงการถนนเชื่อมต่อถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก แนวเหนือ-ใต้ ถนนราชพฤกษ์ ถนนชัยพฤกษ์ สะพานพระรามสี่ เชื่อมต่อเส้นทางเข้ากับทางหลวงหมายเลข 345 และถนนแจ้งวัฒนะ โดยมีแผนเริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค.59 สร้างเสร็จปี 61