“ธีรวุทธิ์” แถลงเตรียมเข็น WCI เข้าเทรดใน SET ตั้งเป้าระดมทุนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท คาดได้ข้อสรุปไฟลิ่งได้ภายในปีนี้ เผยนำเงินที่ได้มาล้างหนี้ ขยายสาขา และรุกธุรกิจคอสเมติก ส่วนแนวโน้ม EFORL คาดรายได้รวมโตจากปีก่อน 10%
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม หรือ EFORL กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าประมาณการเติบโตของรายได้รวมปี 2559 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 10% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท เทียบสัดส่วนจากรายได้ของปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท
“ปีที่แล้วบริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นจากการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10% แต่ทั้งนี้ก็ยังคงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ด้วยเช่นกัน”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2559 จะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสุขภาพ ในแบรนด์ iHealth เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เน้นดูแลสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดด้วยการฝึกอบรมฝ่ายขาย และเตรียม Call Center ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ในส่วนของการนำ บมจ.ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง หรือ WCI ซึ่งถือหุ้นในบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เข้าจดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น บริษัทฯ ได้ลงนามแต่งตั้ง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง หรือ MBKET และ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในการยื่นไฟลิ่ง และสามารถเปิดทำการซื้อขายหุ้น IPO ได้ภายในปี 2559 นี้ โดยตั้งเป้าการระดมทุนไว้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
ขณะที่จุดประสงค์ของการเข้าระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาชำระหนี้ของ วุฒิศักดิ์ ที่มีอยู่ต่อสถาบันฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 998 ล้านบาท และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนเพื่อขยายสาขาทั้งใน และต่างประเทศกลุ่ม CLMV อีกอย่างน้อย 8 สาขาใหม่ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 12 สาขา โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท รวมสาขาต่างประเทศทั้งหมดในปีนี้จะอยู่ที่ 20 สาขา ซึ่งในต่างประเทศจะเป็นโครงสร้างใหม่ที่จากเดิมใช้การบริหารแบบแฟรนไชส์ แต่จะเปลี่ยนใหม่เป็นการร่วมทุนกับบริษัทฯ ที่ทำด้านธุรกิจความงาม ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้จากต่างประเทศเพิ่มเข้ามามากขึ้น และลงทุนขยายช่องทางการทำธุรกิจด้านคอสเมติกส์อีกประมาณ 250-300 ล้านบาท
“แนวโน้มธุรกิจด้านความงามในปัจจุบันเติบโตไม่มากนัก ซึ่งอยู่ที่ 3 ส่วนธุรกิจคอสเมติกส์ปัจจุบันอยู่ที่ 5% ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจคอสเมติกส์ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมาก โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจคอสเมติกส์ในระยะ 3 ปีไว้ไม่น้อยกว่า 10-20%”