xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิญาณ” ร้อง ป.ป.ช.ให้เอาผิดเลขา ก.ล.ต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ยื่นหนังสือให้ไต่สวนหาข้อเท็จจริงเหตุเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ได้ยื่นหนังสือร้องประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ สืบเนื่องจากกรณีที่ประธาน และคณะกรรมการบริหาร NMG มีคำสั่งขัดขวางห้ามไม่ให้ตัวแทนของ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท NMG เป็นจำนวน 15,000,000 หุ้น และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นอีกหลายราย เข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นข่าวสารที่สนใจของประชาชน และนักลงทุนทั้งหลาย ซึ่งในกรณีนี้คณะกรรมการบริษัท NMG ได้ทำหนังสือถึง ตลท. ยอมรับข้อเท็จโดยชัดแจ้งว่า มีการห้าม และขัดขวางการเข้าประชุมของผู้ถือหุ้นบางรายจริง จึงเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม อันเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญามาตรา 89/7 มาตรา 281/2

จากนั้นปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นอีกหลายรายที่ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมประชุมได้ร้องเรียนต่อ เลขาธิการสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ นายรพี สุจริตกุล เลขาฯ ก.ล.ต. ได้แถลงข่าวในวันที่ 5 มิถุนายน 2558 ว่า เรื่องการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ก.ล.ต. คงยุ่งไม่ได้ และนายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาฯ ก.ล.ต.ก็กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ก.ล.ต.จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และ ตลท. ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวว่าผิดกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์หรือไม่ แต่เบื้องต้น เห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม แต่ตามข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รวมที่แก้ไขเพิ่มเติมได้บัญญัติไว้ว่า ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 19 คือ กำกับดูแลให้มีการปฏิบัติ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลที่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ เมื่อประธาน และคณะกรรมการบริษัท NMG กระทำความผิด ก.ล.ต.ก็ต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดเพื่อคุ้มครองนักลงทุน ดังนั้น การที่ นายระพี สุจริตกุล กล่าวว่า ก.ล.ต. คงยุ่งไม่ได้ และนายชาลี จันทนยิ่งยง กล่าวเพียงว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมนั้นส่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันมีโทษอาญาตามมาตรา 19 อย่างชัดเจน

และต่อมา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 สำนักงาน ก.ล.ต.ได้เผยแพร่ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 91/2558 ว่า กรมพัฒนาธุรกิจ ได้แจ้งผลการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด แล้วว่า ประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจที่จะไม่อนุญาต หรือขัดขวางไม่ให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 33, มาตรา 102 และมาตรา 105 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งเท่ากับว่า ก.ล.ต. ก็ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย แต่นายระพี กลับแถลงข่าวว่า หากพบว่ามีการไม่ปฏิบัติตามมาตราดังกล่าวจะต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินจำนวนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น หรือประโยชน์ที่ได้รับแต่ไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท เป็นการสรุปว่าต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่งเท่านั้น ทั้งๆ ที่ลักษณะการกระทำผิดของประธาน และคณะกรรมการบริหารบริษัท NMG แท้จริงแล้วมีลักษณะเป็นการกระทำผิดโดยทุจริต ซึ่งต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ตามมาตรา 281/2 วรรคสอง

ต่อมา ในวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ก.ล.ต.ได้เผยแพร่ข่าวฉบับที่ 136/2558 แถลงว่า ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา ในฐานะประธานกรรมการบริษัท และประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น NMG ประจำปี 2558 ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุม และห้ามผู้ถือหุ้นบางรายออกเสียงลงคะแนนในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น NMG ประจำปี 2558 เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ตามกำหนดในมาตรา 89/2 อันเป็นเหตุให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง ซึ่งดำเนินการกล่าวโทษเฉพาะ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา แต่เพียงผู้เดียว กรณีนี้จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวนมีเจตนาละเว้นที่จะไม่ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงใดๆ เพื่อพิสูจน์ความผิดของคณกรรมการบริหารคนอื่นๆ ซึ่ง นายสนธิญาณ ในฐานะผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้เสียประโยชน์เห็นว่า การสอบสวนดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงผู้กระทำความผิดอื่นๆ ในฐานะตัวการการร่วม หรือผู้สนับสนุนครบถ้วนแล้วหรือไม่ เพราะพฤติการณ์ และลักษณะการกระทำผิดก่อนเกิดเหตุนั้น บริษัท NMG มีนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร จึงควรมีการสอบสวนว่า ได้มีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า ด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลในวันที่ 28 เมษายน 2558 ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพียงวันเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นายสุทธิชัย ได้มีการเตรียมวางแผนให้นายณิทธิมน เข้าเป็นประธานกรรมการแทน เพื่อทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นนายณิทธิมน เป็นเพียงกรรมการที่ไม่มีอำนาจลงนามกระทำการแทนบริษัท ทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะให้นายณิทธิมน เป็นผู้มีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมโดยยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

แต่โดยข้อเท็จจริงในวันที่ดำเนินการประชุมนั้น นายสุทธิชัย และคณะกรรมการบริหารบริษัททุกคนได้นั่งประจำที่เข้าร่วมประชุมแต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงอาการท้วงติง หรือห้ามปรามนายณิทธิมน ที่มีคำสั่งห้ามผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาเห็นชอบต่อการกระทำครั้งนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นการกระทำผิดแบบเป็นกระบวนการ มีการตระเตรียมแผนการล่วงหน้า และเป็นตัวการร่วมทุกคน ที่สำคัญ นายสุทธิชัย และ นายณิทธิมน รวมถึงกรรมการบริหาร MNG ทุกคนที่มีลักษณะกระทำการทุจริต เพราะมีกรรมการบริษัท 3 คน ที่ต้องมีวาระพ้นจากการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ดังนั้น การห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าร่วมประชุมเป็นเจตนาเพื่อไม่ให้มีการเสนอแต่งตั้งกรรมการใหม่เข้าไปทดแทน เพราะทำให้กรรมการที่พ้นวาระทั้ง 3 คนยังได้รับเงินเดือน และสิทธิประโยชน์ตลอดไป ทั้งที่ตนเองต้องพ้นจากวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว นอกจากนั้น กรรมการ NMG ทุกคนยังได้รับประโยชน์โดยไม่ถูกตรวจสอบจากผู้ถือหุ้น หรือบุคคลภายนอก การกระทำครั้งนี้กรรมการ NMG ทุกคนจึงมีลักษณะเป็นตัวการร่วมกันกระทำโดยทุจริต แต่ ก.ล.ต.ดำเนินการกล่าวโทษเฉพาะนายณิทธิมน จึงมีเหตุอันควรให้สงสัยว่า ก.ล.ต.จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท NMG และผู้ถือหุ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น