ปีนี้หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่รู้จบจริงๆ โดยเฉพาะหลังจบการประมูล4G 900 และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ที่มูลค่าการประมูลออกมาสูงลิ่วเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ แน่นอนว่าเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการที่ประมูลได้จะต้องแบกรับไปอีก 15-18 ปี ตามอายุของใบอนุญาต นักวิเคราะห์บางรายถึงกับคาดการณ์ว่า หุ้นกลุ่มสื่อสารอาจไม่ใช่หุ้นเติบโต (Growth Stock) อีกต่อไปแล้ว
ก่อนอื่นเรามาย้อนมองกลับไปหลายปีก่อน หุ้นกลุ่มสื่อสารเคยจัดให้อยู่ในกลุ่มหุ้นวัวนม หรือ Cash Cow หมายถึงหุ้นที่หยุดการเติบโตแล้วแต่สามารถผลิตเงินสดออกมาปันผลได้เป็นอย่างดีทุกปี (ยกเว้น TRUE ในช่วงนั้นยังอยู่กับการแก้ปัญหาหนี้) ช่วง 7-8 ปีก่อน หุ้น ADVANC ปันผลสูงกว่า 5-6% ทุกปี
แต่ถ้าย้อนกลับไปไกลกว่านั้นคือ สมัย 20 ปีที่แล้ว หุ้นกลุ่มสื่อสารเคยเป็นหุ้นเติบโตร้อนแรงมาแล้ว เพราะช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งถือเป็นยุคทองของธุรกิจโทรคมนาคม (มีใครทันใช้มือถือแบบหิ้วเครื่องละแสนกว่าบาทกันบ้าง) ซึ่งถือเป็นของใหม่ของประเทศไทยในตอนนั้น ตอนนั้นจำได้ว่าทุกคนตื่นเต้นกับดาวเทียมไทยคมดวงแรกของประเทศอยู่เลย
หุ้นที่เกี่ยวข้องต่อการสื่อสารเทคโนโลยีก็ร้อนแรงอย่างยิ่ง หุ้นเทเลคอมเอเชีย (หุ้นทรูในปัจจุบัน) ราคาขึ้นไปแตะหลายร้อยบาทเลยทีเดียว ประเด็นชี้วัดการเติบโตในตอนนั้นคือ จำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือที่ขยายตัวรวดเร็ว แต่พอจำนวนผู้ใช้งานมือถือแตะ 100% ของจำนวนประชากร การเติบโตของหุ้นกลุ่มสื่อสารก็ลดน้อยลงจนกลายเป็นหุ้นวัวนมอย่างที่บอกไว้
หุ้นกลุ่มสื่อสารกลับมาเป็น Growth Stock อีกครั้งภายหลังวิกฤตซับไพรม์ เพราะตอนนั้นกระแสการใช้งานอินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นอย่างมาก และกำลังมาแทนที่การใช้งานเสียง (Voice) แม้ช่วงปี 2009 บ้านเราจะยังไม่มี 3จี ใช้ด้วยซ้ำ แต่หุ้นสื่อสารต่างได้รับประโยชน์จากการใช้งานดาต้าที่เติบโตรวดเร็ว จนกระทั่งหุ้นกลุ่มสื่อสารมีมาร์เกตแคปที่ขยายตัวขึ้นจนเป็นเซ็กเตอร์สำคัญของตลาดหุ้นไทย (เคยมีสัดส่วนถึง 15% ของมาร์เกตแคปรวมตลาดหุ้นไทยมาแล้ว) จนกระทั่งการประมูล 4G จบลง และเริ่มคาดการณ์ว่าต้นทุนที่ต้องแบกรับของ ADVANC และTRUE ส่วน DTAC มีปัญหากับการหาคลื่นมาทดแทนสัมปทานที่กำลังจะหมดลง ขณะที่ JAS ผู้เล่นรายใหม่ต้องลงทุนมหาศาล
ต่อไปนี้คือความเห็นส่วนตัวของผม...ถ้าหากหุ้นกลุ่มสื่อสารจะกลับมาเป็นดาวเด่นได้อีกครั้ง ผมคิดว่าปัจจัยผลักดันใหม่ก็คือ ธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งจะเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างแน่นอน ซึ่งที่จริงแล้วที่เมืองนอกเขาเกิดขึ้นมาได้พักหนึ่งแล้ว คือ แทนที่จะขายการใช้งานเสียงกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ต่อไปผู้ให้บริการคลื่นจะต้องขายคอนเทนต์ในตัวด้วย
ลองมาดูแผนธุรกิจของ China Mobile ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของจีน มีจำนวนลูกค้าหลายร้อยล้านราย ยังออกมาตั้งเป้ามีรายได้ 50% จากธุรกิจคอนเทนต์!! ลองคิดดูว่าลูกค้าจำนวนมหาศาลขนาดนี้เขานั่งเฉยๆ ก็พอ แต่ยังให้ความสำคัญขนาดนี้ ส่วนผู้ประกอบการไทยเอาจริงแล้วก็มองเห็นเทรนด์นี้มาได้สักพักแล้วล่ะ
ไม่งั้น INTUCH ทำไมต้องประมูลทีวีดิจิตอล? ทำไมต้องไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัป? ทำไมต้องถ่ายทอดบอลพรีเมียร์ลีกผ่านมือถือ และทำไม TRUE ถึงตอกย้ำความเป็นคอนเวอร์เจนซ์มาหลายปี ทำไมต้องประมูลลิขสิทธิ์กีฬาดังๆ? ทั้งหมดนี้ทำเพื่อรองรับ New Business Model ในอนาคตที่คอนเทนต์จะขึ้นมามีบทบาทต่อรายได้มากขึ้น
หลายปีก่อน นักวิเคราะห์ หรือนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองภาพไม่ชัดเลยครับว่าการใช้อินเทอร์เน็ตจะผลักดันหุ้นกลุ่มสื่อสารให้เติบโตมาได้ขนาดนี้ การที่หุ้นกลุ่มสื่อสารจะกลับมาเป็น Growth Stock ได้ในอนาคตคงเป็นเรื่องของธุรกิจคอนเทนต์กระมังครับ แล้วเราค่อยมาดูกันว่าจะจริงหรือไม่
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง