xs
xsm
sm
md
lg

บสก.เตรียมขายไอพีโอ 1,535 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บสก.เตรียมขายไอพีโอ 1,535 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET โดยมี บล.กสิกรไทย และ บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เผยกองทุนฟื้นฟูฯ ลดถือหุ้นจาก 100% เหลือ 45.6%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บมจ.บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรก เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2558 เนื่องจากบริษัทจะเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 1,535 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 280 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,255 ล้านหุ้น โดยมี บล.กสิกรไทย และ บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และทรัพย์สินรอการขายในอนาคต เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบริษัทฯ มีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ SET

ทั้งนี้ บสก.ประกอบธุรกิจ 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ (1) กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และ (2) กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย ณ วันที่ 30 ก.ย.58 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 76,681.8 ล้านบาท หนี้สินรวม 42,480.8 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 34,201.0 ล้านบาท โดย 9 เดือนปี 58 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 9,529.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,408.7 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 16,225.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 3,245.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 13,675.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 2,735.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วอย่างน้อย 15,075.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญชำระแล้ว จำนวน 3,015.0 ล้านหุ้น

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น 2,734,999,990 หุ้น หรือคิดเป็น 100% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะคงเหลือถือหุ้น 1,479,999,990 หุ้นหรือคิดเป็น 45.6%

บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.0 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น