ธปท. แจงกรณีเสนอแก้ไข พ.ร.บ. เพื่อขยายขอบเขตการนำเงินสำรองฯ ลงทุนในตราสารทุน ไม่ใช่การตั้งกองทุนมั่งคั่ง เพื่อแสวงหากำไรจากหุ้น เป็นการเพิ่มเครื่องมือบริหารความเสี่ยง และช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศ จะต้องมีความพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ตลอดเวลา ยอมรับได้ศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ชี้ จุดอ่อนปิดกั้นให้ลงทุนแค่พันธบัตร หรือตราสารหนี้ หากผลตอบแทนติดลบ หรือเงินสกุลหนักอ่อนค่า ทำให้เกิดความเสี่ยง
รายงานข่าว แจ้งว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงเกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธปท. เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศ โดยระบุว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวแสดงความห่วงใยในการที่ ธปท. เสนอแก้ไข พ.ร.บ. ธปท. เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศให้รวมตราสารทุนได้นั้น เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ธปท. ขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่ม คือ การเสนอเพิ่มประเภทของสินทรัพย์ให้รวมถึงตราสารทุนเป็นการขยายขอบเขตการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศให้ครอบคลุมหลักทรัพย์ที่กว้างขึ้นกว่าที่ดำเนินการในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และการบริหารความเสี่ยงของเงินสำรองระหว่างประเทศ
กรณีดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ใช่การเสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง (Sovereign Wealth Fund) ที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น และสินทรัพย์อื่นที่หลากหลายกว่ามาก การบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น ธปท. จะต้องให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของการลงทุน เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ตลอดเวลา
ส่วนการวางแผนขยายขอบเขตการลงทุนให้ครอบคลุมถึงตราสารทุนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อให้ ธปท. มีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยทาง ธปท.ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และมีการดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตนั้นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลาดการเงินโลกจะมีความผันผวนสูงขึ้น ในบางช่วงเวลาการลงทุนเฉพาะในพันธบัตร หรือตราสารหนี้ อาจทำให้การบริหารเงินสำรองไม่มีประสิทธิภาพ การมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุนได้ เช่น ในช่วงที่พันธบัตรของประเทศอุตสาหกรรมหลักๆ มีผลตอบแทนต่ำ หรือติดลบ หรือค่าเงินสกุลหลักๆ อ่อนค่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ชดเชยได้
นอกจากนี้ การลงทุนในตราสารทุนจะเป็นเพียงส่วนน้อยของเงินสำรองระหว่างประเทศ และจะเป็นการลงทุนเฉพาะในบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นบัญชีที่มีเอาไว้เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีทุนสำรองเงินตราที่มีไว้เพื่อหนุนหลังการออกธนบัตรแต่อย่างใด บัญชีของ ธปท.เป็นบัญชีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามปริมาณเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งทาง ธปท.ต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารสภาพคล่องเป็นอย่างดี
สำหรับนโยบายในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น ธปท. จะมีการติดตาม และประเมินผลเป็นระยะๆ โดยมีการรายงานผลการบริหาร และความเสี่ยงของการลงทุนต่อคณะกรรมการ ธปท.และคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่มีหน้าที่กำกับดูแล และมีการกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม โดยยึดหลักการตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย และในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศธนาคารกลางหลายแห่งได้ลงทุนในตราสารทุนมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว อาทิ ธนาคารกลางมาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เป็นต้น
