ตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าวันนี้ปิดที่ระดับ 1,254.36 จุด ลดลง 26.56 จุด (-2.07%) มูลค่าการซื้อขาย 21,915.47 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะติดลบ ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่มีการดีดกลับขึ้นไปได้หลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดีกว่าคาด และยังระบุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องใช้ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นร่วงมาจากกังวลเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย-ราคาน้ำมันที่ร่วงลง ทำให้ Flow ยังไหลออก บ่ายนี้ ดัชนีฯ คงยังติดลบอยู่ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะรีบาวนด์ พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,250 แนวต้าน 1,270-1,280 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวลงมาตามคาด และปรับตัวลงแรงกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบกัน ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่มีการดีดกลับขึ้นไปได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดีกว่าคาด และมีออกมาว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีความจำเป็นต้องใช้
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ตลาดฯ ต่างปรับตัวลงมาจากเรื่องความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงด้วย ทำให้ Flow ยังไหลออก
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะยังซบเซาต่อ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะรีบาวนด์อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงจะอยู่ในแดนบวกได้ยาก และดัชนีฯ คงจะยังติดลบต่อ โดยอาจมีความผันผวนบ้างในระหว่างเทรด พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270-1,280 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,925.81 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,653.82 ล้านบาท ปิดที่ 207.00 บาท ลดลง 13.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,172.72 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
TKN มูลค่าการซื้อขาย 1,056.47 ล้านบาท ปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.25 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 878.61 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท ลดลง 4.00 บาท