บล.เอเชีย เวลท์ คาดแนวโน้ม SET ปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ดิ่งต่ำสุดรอบ 7 ปี กดดันหุ้นพลังงานทั่วโลก ซึ่งอาจเกิด Inventory loss ให้แก่ผลประกอบการของบริษัทน้ำมันได้ พร้อมให้กรอบ 1,320-1,360 จุด
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้น (SET) น่าจะปรับตัวลง เนื่องจากราคาน้ำมันลดต่ำลงที่สุดในรอบ 7 ปี โดยล่าสุด น้ำมันดิบ WTI ลงไปต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐ จะกดดันหุ้นพลังงานทั่วโลก ซึ่งอาจเกิด Inventory loss ให้แก่ผลประกอบการของบริษัทน้ำมันได้
ด้านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ธันวาคม 2558 นี้ เพิ่มขึ้นเป็น 80-90% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น โดยคาดว่าเงินน่าจะไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) แต่คงไม่มาก เพราะตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ หากมองจากมุมมองปีหน้า ซึ่ง บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐ และเอกชน ทำให้ช่วงนี้เป็นเวลาเหมาะที่จะเก็บหุ้นพื้นฐานดี และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนลง
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านไอซีทีชั้นแนวหน้า ทั้ง ICT Solutions, Network Solutions และ System integration ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ และมีความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่น และยาวนาน
ทั้งนี้ SAMTEL มีโครงการใหม่ที่จะร่วมประมูล มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ของกรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการกองทัพไทย การสื่อสารฯ และคาดว่าจะชนะประมูล 7,000 ล้านบาท โดยโครงการปัจจุบัน ณ ไตรมาส 3 ที่ SAMTEL มีอยู่ มีมูลค่า 4.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีโครงการในปี 2016 อีก 5,500 ล้านบาท ทำให้คาดว่า SAMTEL มีรายได้โต 12% ในปี 2559
ด้านผลประกอบการ คาดว่าไตรมาส 4/58 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หลังจาก 9 เดือนแรกไม่ค่อยดีเท่าที่ควรเพราะมีความล่าช้าของโครงการวิทยุระบบดิจิตอลสำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งน่าจะลงนามสัญญาจัดหาติดตั้งได้ในไตรมาส 4 นี้ จากคาดการณ์เฉลี่ย Bloomberg แม้กำไรปีนี้จะร่วง 19% แต่การเติบโตน่าจะกลับมาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ และพุ่ง 50% ในปีหน้า และ SAMTEL มี Dividend yield น่าสนใจที่ระดับ 3.5-4% โดยมีราคาเป้าหมายของ Bloomberg ที่ 22.77 บาท และของสมาคมนักวิเคราะห์ที่ 23.50 บาท