xs
xsm
sm
md
lg

ภัยก่อการร้ายกดดันบรรยากาศลงทุนหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาด ในสัปดาห์นี้อาจไม่สามารถพึ่งพาการชี้นำจากตลาดหุ้น WallStreet ได้อย่างที่เคยเนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่มีวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ในวันพฤหัสฯ ของสหรัฐฯ ซึ่งชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะถือเป็นโอกาสหยุดยาว โดย บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,375-1,405 จุด สำหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ จะมีตัวเลขนำเข้าและส่งออกออกมา และธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนออกมา ซึ่งน่าจะออกมาไม่ดีนัก

“ตลาดหุ้น WallStreet เป็นบวกจากการที่ตลาดมองข้ามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคมนี้ โดยมองว่าเฟดจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ไม่กระทบต่อตลาดหุ้นมาก แต่จากเหตุการณ์จับตัวประกันที่ประเทศมาลี ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลเรื่องการก่อการร้ายอีกครั้ง และทำให้ประเทศในยุโรปเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ซึ่งตรงนี้กดดันภาคการท่องเที่ยวของยุโรป และสหรัฐฯ พอสมควร ทำให้ตลาดไปไม่ได้แรงแต่อยู่ในขาบวก”

ขณะที่ตัวเลข Bank of America รอบ 10 สัปดาห์ ออกมาเห็นถึงเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่แล้วเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นบวกได้ และในต้นสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดี

ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) น่าจะมีการประกาศเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป นอกจากนี้ จะมีการประชุมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่กรุงปารีส คาดว่าจะมีการหารือเรื่องความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก การป้องกันการก่อการร้าย และการจัดการเรื่องผู้อพยพจากซีเรีย

ด้านเอเชีย ทางการจีนประกาศให้เริ่มกลับมาขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ได้อีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นจีนได้ และจะต้องติดตามผลการประชุม ASEAN Summit

สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้น บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) มีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการภาครัฐที่จะช่วยหนุนกำไรปีหน้าให้เติบโตโดดเด่น โดยล่าสุด STEC ชนะการประมูลรถไฟฟ้าทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย มูลค่า 9,800 ล้านบาท ทำให้มีโครงการในมือเพิ่มแตะระดับ 5 หมื่นล้านบาท และในเดือนธันวาคม STEC จะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟทางคู่อีก มูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท และยังมีงานใหม่ๆ จากภาครัฐรออยู่อีกมากในอนาคต นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า ปีหน้ากำไรของ STEC โตได้ 12% (Consensus จากสมาคมนักวิเคราะห์) และคาดว่าน่าจะมีการปรับประมาณการกำไรปีหน้าเพิ่มขึ้นไปอีก

ด้านสัญญาณทางเทคนิคแข็งแกร่งทั้งรายวัน และรายสัปดาห์เป็นบวก ถ้าเดือนนี้ราคาหุ้นปิดเหนือ 25.50 บาท จะเกิดสัญญาณซื้อรายเดือน และน่าจะสามารถทำ New high ต่อได้ ทั้งนี้ มองราคาเป้าหมายที่ 27.93 บาท (Bloomberg consensus)
กำลังโหลดความคิดเห็น