xs
xsm
sm
md
lg

ธปท. มองการเพิ่มหยวนเป็นเงินสกุลหลัก ส่งผลดีต่อการค้าไทยคึกคักมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้ว่าการ ธปท. ระบุ กรณีไอเอ็มเอฟเพิ่มหยวนเป็นเงินสกุลหลัก แบงก์ชาติได้เตรียมการรองรับไว้ระยะหนึ่งแล้ว มั่นใจไทยได้ผลดีจากการค้าที่จะคึกคักมากขึ้น ด้านนักวิชาการ ชี้ การที่ไอเอ็มเอฟอนุมัตินำเงินหยวนเข้าสู่ตระกร้าสกุลเงิน SDR ส่งผลต่อการเพิ่มบทบาทในเวทีโลกของจีน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศไทย (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มเงินสกุลหยวนของจีนไว้ในตะกร้าเงินหลักทุนสำรองระหว่างประเทศ SDR (Special Drawing Right) โดยมองว่า เป็นสิ่งที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว หลังจากที่เศรษฐกิจของจีน มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้เงินหยวนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังมีระยะเวลาให้ปรับตัว เพราะจะเริ่มใช้ในช่วงเดือนตุลาคม 2559

สำหรับ ธปท. ได้มีการเตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งการเปิดสำนักงานผู้แทนที่กรุงปักกิ่ง การที่ ธปท.ลงทุนในตราสารหนี้เงินสกุลหยวน และมีเงินหยวนอยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศบางส่วน โดยเชื่อว่าในอนาคตเงินหยวนจะเข้ามามีบทบาทต่อการค้า และการลงทุนโลกมากขึ้น มีสภาพคล่องเงินหยวนมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่น่าจะได้ผลดีจากการที่นักลงทุนจีนจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น

ส่วน ธปท.จะเพิ่มสกุลเงินหยวน ในทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาบทบาทของเงินหยวนอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งต้องมองพัฒนาการของตลาดเงิน ตลาดทุนประกอบด้วย

ผู้ว่า ธปท. ย้ำว่า สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีเพียงพอ รองรับการที่รัฐบาลจะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในปีหน้า ซึ่งทาง ธปท.พร้อมดูแลนโยบายการเงินให้มีเสถียรภาพ เพราะปัจจุบันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันที่ยังต่ำ

ด้านนายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า การที่คณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟ มีมติอนุมัติให้นำสกุลเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าสกุลเงิน SDR ของไอเอ็มเอฟ โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมปีหน้า จะส่งผลให้หยวนได้รับการปรับยกสถานะในเวทีการเงินโลก เทียบเท่ากับดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์ ยูโร และเยน ที่ได้รับอนุมัติให้รวมไว้ในตะกร้า SDR ก่อนหน้านี้

กรณีที่เกิดขึ้นนับได้ว่าเป็นการเข้าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการพัฒนาปฏิรูปทุกด้านอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันจีนกลายเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และพัฒนาการเงินรองรับ เช่น ปรับเงินหยวนกลไกตลาด เปิดให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนพันธบัตรมากขึ้น จีนปลดล็อกอัตราดอกเบี้ยเสรีมากขึ้น

นายสมภพ กล่าวในงานสัมมนา “AEC & One Belt, One Road กับบทบาทสื่อมวลชนไทย-จีน” โดยระบุว่า จีนก็ปรับตัวด้านเศรษฐกิจโดยนโยบายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นผ่านโครงการ One Belt, One Road ฟื้นเส้นทางสายไหมในอดีตเชื่อมโยงทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งผ่าน 64 ประเทศ ประชากร 4,400 ล้านคน หรือร้อยละ 30 ของประชากรโลก โดยจีนมีการค้ากับประเทศเหล่านี้ 1.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ดังนั้น หากการต่อเชื่อมคมนาคมทุกด้านตามแผนจะเพิ่มมูลค่าการค้ามากขึ้น โดยไทยและอาเซียนจะต้องจับตา และเพิ่มบทบาทในโครงการนี้ตามไปด้วย ซึ่งหนึ่งในแผนงานเชื่อม คือ เส้นทางรถไฟยูนาน-สปป.ลาว
กำลังโหลดความคิดเห็น