“คลัง” เดินหน้าออกแผนพัฒนาตลาดทุน เพื่อรองรับการระดมทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หวังยกระดับเทียบตลาดหุ้น “สิงคโปร์-มาเลเซีย” พร้อมคาดหวังให้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และกระจายรายได้ของประเทศ และต้องการให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุม “International Capital Market Conference 2015” โดยระบุว่า รัฐบาลไทยต้องการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) เพื่อให้การระดมทุนในตลาดทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทางขนส่งกันระหว่างภูมิภาค โดยขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างยกร่างแผนพัฒนาตลาดทุนระยะ 10 ปี เพื่อต้องการยกระดับตลาดทุนไทยให้เติบโตเทียบเท่ากับตลาดหุ้นสิงคโปร์ และมาเลเซีย
สำหรับแผนพัฒนาตลาดทุนที่กำลังศึกษายกร่างขณะนี้ เน้นการนำนวัตกรรมใหม่มาออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน การออกอนุพันธ์ใหม่เพิ่มในตลาดทุน เพื่อระดมทุนรูปแบบต่างๆ เพิ่ม การออมเงินระยะยาวอีกรูปแบบหนึ่งให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงการเป็นช่องทางระดมทุนให้กับภาคเอกชน แทนการพึ่งสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน การผลักดันให้เอกชนระดมทุนเพื่อใช้ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยมีมาตรการจูงใจทางการคลัง การให้ความรู้กับประชาชน นักลงทุนรายย่อย และการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาตลาดทุนในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา เพื่อให้เป็นแหล่งระดมทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแผนพัฒนาตลาดทุน คณะทำงานจะเริ่มประชุมจัดทำแผนในช่วงกลางเดือนธันวาคม จากนั้นคาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาและประกาศใช้ในต้นปีหน้า
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อได้ออกแผนพัฒนาตลาดทุนแล้ว หวังว่าตลาดทุนจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้ของประเทศ และต้องการให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก ยอมรับว่ากลุ่มอนุภูมิลุ่มน้ำโขงเริ่มมีความเข้มแข็ง เพราะขนาดเศรษฐกิจมีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ของอาเซียน เติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 10 ในช่วงปี 10 ที่ผ่านมา อีกทั้งคนรุ่นใหม่กำลังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญ อีกทั้งการติดต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้านผ่านการส่งออกไปยัง CLMV ได้เติบโตถึงร้อยละ 10 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากการร่วมลงทุนของเอกชนขนาดใหญ่ และกำลังขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่อเนื่อง โดยไทยเน้นการนำ PPP มาร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
นอกจากนี้ ยังต้องการส่งเสริมให้ประเทศเพื่อนบ้านออกมาระดมทุนในตลาดพันธบัตรพันธบัตรในเงินบาท เพราะจะช่วยให้ตลาดพันธบัตรไทยได้รับความสนใจจากต่างชาติมากขึ้น และมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ อีกทั้งเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนได้ประโยชน์จากช่องทางการเงินหลากหลาย และยังลดความเสี่ยงจากระดมทุนได้มากขึ้น ส่งเสริมผู้ออกตราสารให้มีความหลากหลาย
โดยช่วงที่ผ่านมา ประเทศ สปป.ลาวประสบความสำเร็จในการออกพันธบัตรบาทไทยประมาณ 9,590 ล้านบาท และปีนี้ สปป.ลาวเตรียมออกพันธบัตรเพิ่ม 12,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังของไทยพร้อมลดขั้นตอนการออกพันธบัตรของต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวก จาก 3 ครั้งต่อปี เพื่อเปิดทางให้ประเทศเพื่อนบ้านในการออกได้พันธบัตรในรูปเงินบาทได้ทุกเดือน แต่ต้องระวังเรื่องเงินบาทอาจถูกโจมตีได้หากเงินบาทไทยไหลออกไปจำนวนมาก