“ประพันธ์” เผย กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น mai เพียง 9 เดือนทะลุ 5,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.96% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว แม้ช่วงไตรมาส 3 เกิดภาวะเศรษฐกิจผันผวน แต่ยังคงทำยอดขายได้ดี ชี้ กลุ่ม อสังหาฯ รับเหมาและ ทรัพยากร เติบโตโดดเด่น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai จำนวน 116 บริษัท (จาก 119 บริษัท ไม่รวมบริษัทที่ยังไม่ส่งงบการเงิน และบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2558 พบ บจ.ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 82 บริษัท คิดเป็น 71% ของ บจ.ที่ส่งงบการเงินทั้งหมด โดย บจ. ใน mai มียอดขายรวม 91,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.63% อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 21.22% เป็น 24.60% และกำไรสุทธิ 5,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.96%
สำหรับงวดไตรมาส 3/2558 บจ. ใน mai ต้องเผชิญกับความกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังคงรักษาระดับยอดขายไว้ได้ ขณะที่บาง บจ. มีการขยายการลงทุนทำให้ค่าเสื่อมราคา และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นส่งผลให้กำไรสุทธิรวมลดลง โดย บจ. mai มียอดขายรวม 29,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 21.22% เป็น 24.10% โดยมีกำไรสุทธิรวมลดลงจาก 1,473 ล้านบาท เหลือ 1,298 ล้านบาท ลดลง 11.88%
ทั้งนี้ หากพิจารณายอดขาย และกำไรสุทธิในไตรมาส 3 พบ 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการเติบโต ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มทรัพยากร
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 120 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 589.69 จุด ลดลง 15.76% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 363,072 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 60.66 เท่า มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 3,344 ล้านบาทต่อวัน
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai จำนวน 116 บริษัท (จาก 119 บริษัท ไม่รวมบริษัทที่ยังไม่ส่งงบการเงิน และบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2558 พบ บจ.ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 82 บริษัท คิดเป็น 71% ของ บจ.ที่ส่งงบการเงินทั้งหมด โดย บจ. ใน mai มียอดขายรวม 91,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.63% อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 21.22% เป็น 24.60% และกำไรสุทธิ 5,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.96%
สำหรับงวดไตรมาส 3/2558 บจ. ใน mai ต้องเผชิญกับความกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังคงรักษาระดับยอดขายไว้ได้ ขณะที่บาง บจ. มีการขยายการลงทุนทำให้ค่าเสื่อมราคา และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นส่งผลให้กำไรสุทธิรวมลดลง โดย บจ. mai มียอดขายรวม 29,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 21.22% เป็น 24.10% โดยมีกำไรสุทธิรวมลดลงจาก 1,473 ล้านบาท เหลือ 1,298 ล้านบาท ลดลง 11.88%
ทั้งนี้ หากพิจารณายอดขาย และกำไรสุทธิในไตรมาส 3 พบ 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการเติบโต ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มทรัพยากร
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 120 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 589.69 จุด ลดลง 15.76% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 363,072 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 60.66 เท่า มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 3,344 ล้านบาทต่อวัน