Yield Curve แปลไทยเป็นเป็นไทยง่ายๆ คือ การเทียบความต่างของอัตราดอกเบี้ยจากพันธบัตรที่มี Maturity date ต่างกัน Yield Curve ตามตำรามี 3 แบบ คือ Normal , Flat และ Invert โอ้ยยากก ...เอาแค่ Normal ก่อน … มันเป็นทรงกราฟเหมือนในภาพนี่แหละ เป็นตัวแสดงว่า ดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำกว่าดอกเบี้ยระยะยาว กราฟยิ่งชันยิ่งบอกความต่างของ Short Term กับ Long Term ทรง Yield Curve เลยทำให้เราช่วยตีความได้อีกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองอนาคตการขึ้นลงดอกเบี้ยเป็นไง ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งนักลงทุนทั้ง “หุ้นและอสังหาริมทรัพย์”
ถ้าเป็น Normal … เป็นตัวบอกสัญญาน Bullish ทางเศรษฐกิจ
ถ้าเป็น Invert … นี่คือสัญญานเบื้องต้น ของ Recession
มาดูของจริง … มองย้อนกลับไปปี ‘90 ช่วงนั้น Bond Yield วิ่งแรลลี่มาก ตลาดหุ้นก็ Bullish สุดๆ เช่นกัน จนกระทั่งปี 1994 -1995 Yield Curve เริ่มลงอย่างเห็นได้ชัด และเกิดเป็นต้มยำกุ้ง Crisis ในปี 1997 หรือในปี 2000 Yield Curve กลับมา Rally ในทรง Normal อีกครั้ง พร้อมกระทิงตัวใหม่ในตลาดหุ้น แต่แล้วในปี 2004 Yield Curve เริ่มดิ่งลงอย่างมีนัยจนกลายเป็น Hamburger Crisis ในปี 2008
เพราะฉะนั้น
…จากปี 1994 มา 2004 จนถึง 2014 เราเห็น “รอบ” อะไรบ้าง??
…การที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปจะทำให้เกิด Crisis หรือไม่??
…การที่เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นไว แต่ทำไมมีเงินเริ่มไหลออก??
…และถ้าไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยจริง เงินจะไหลออกหนักกว่าเดิมมั้ย??
…โลกเราจะอยู่ด้วยนโยบายการเงินไปได้อีกสักกี่น้ำ??
…Dollar จะแข็งค่าไปได้อีกแค่ไหน
....ถ้ามองว่า Upside DXYO มีจำกัด
นั่นหมายถึง Downside Risk ที่จำกัด ของน้ำมัน กับทองด้วยรึเปล่า?? หรือความสนุกของ money game เพิ่งเริ่ม? ลุย!!
ปุณยวีร์ จันทรขจร หัวหน้าโค้ชทีม Ninja Assassin
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง