xs
xsm
sm
md
lg

โครงการระดับซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ตราคาพุ่งกว่า 120%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไนท์แฟรงค์ฯ เผยราคาโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ต พุ่งสูงขึ้นกว่า 120% เหตุไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เผยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียที่มองหาบ้านหลังที่สอง

น.ส.ริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ราคาของโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ตที่เปิดตัวในปี 2015 อยู่ที่ระหว่าง 7.5-15 ล้านเหรียญสหรัฐต่อยูนิต ในขณะที่ราคาขายต่ออยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐต่อยูนิตในปีนี้ ราคาของโครงการซูเปอร์ไพรม์ใหม่ๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบกับราคาของโครงการในระดับเดียวกันซึ่งเปิดตัวในระหว่างปี 2007 และปี 2011

ผลการวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ระบุว่า ไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ไพรม์เปิดตัวช่วงปี 2012 ถึงปี 2014 ในภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ราคาขายของโครงการซูเปอร์ไพรม์ที่เปิดตัวระหว่างปี 2007 ถึงปี 2011 และยังคงเปิดขายอยู่ในปี 2014 มีราคาขายอยู่ที่ 3-7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อยูนิต

กลุ่มผู้ซื้อโครงการซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกลุ่มนี้ได้อาศัย และทำงานอยู่ในภูมิภาคนี้มานานหลายปี และรู้จักคุ้นเคยกับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ฝรั่งเศส แคนาดา และเอเชียที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งมักซื้อโครงการซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน หรือเพื่อการอยู่อาศัยหลังเกษียณ ผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ แห่งทั่วโลก ลูกค้ากลุ่มนี้มักอาศัยความพึงพอใจและผลตอบสนองทางด้านอารมณ์ และความรู้สึก ความคุ้นเคยกับทำเล รวมทั้งต้องการเยี่ยมชมโครงการก่อนตัดสินใจ ซึ่งอาจมีผลทำให้ช่วงเวลาการซื้อขายนั้นอาจยาวนานบ้างแล้วแต่กรณี

น.ส.ริษิณี กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยเฉลี่ยแล้วขั้นตอนการขายตั้งแต่ต้นจนจบของโครงการระดับซูเปอร์ไพรม์ในภูเก็ตมักใช้เวลามากกว่า 1 ปี ปัจจัยสำคัญในการขายคือ สถานที่ตั้ง ทำเล ทัศนียภาพโดยรอบ สภาพแวดล้อม และโครงการที่พัฒนาในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับสุดหรูในจังหวัดภูเก็ต มักเป็นโครงการวิลลาที่มีราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนใหญ่เป็นวิลลาที่อยู่ติดริมทะเล และมีการบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก วิลลาในประเภทนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอย่างน้อย 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร และเพื่อความบันเทิง พร้อมกันนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับโลก เช่น ห้องออกกำลังกายส่วนตัว สปา และสระว่ายน้ำส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตร บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ (หรือ 3,200 ตร.ม.) ของที่ดิน นอกจากนี้ วิลลาเหล่านี้ยังมีมาตรฐานการก่อสร้างอันดีเยี่ยม โดยใช้วัสดุ สเปก และรูปแบบการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย และการตกแต่งระดับพรีเมียม
กำลังโหลดความคิดเห็น