xs
xsm
sm
md
lg

BAFS ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโต 6-7% เผยเทขายหุ้น FPT รุกโครงการท่อส่งน้ำมัน (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS
บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าคาดเติบโตไม่น้อยกว่า 6-7% เหตุอุตฯ ท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ช่วยหนุนธุรกิจการบิน และขนส่งรับอานิสงส์เต็มที่ บอร์ดเผยการลดสัดส่วนถือครองหุ้น FPT ไม่กระทบผลประกอบการ เชื่อนักลงทุนเข้าใจ เพราะยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เตรียมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น เดินหน้าทำโครงการท่อส่งน้ำมัน


นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการเป้ารายได้ปี 2559 คาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 6-7% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ปริมาณการเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 5% หรือประมาณการใช้เฉลี่ยในปีนี้ที่ 5,300 ลิตร โดยแบ่งเป็นปริมาณการเติมในสนามบินสุวรรณภูมิที่คาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 4-5% ขณะที่สนามบินดอนเมืองจะมีปริมาณเติบโตของการใช้น้ำมันที่ประมาณ 10% เนื่องจากที่ผ่านมา สนามบินดอนเมืองมีการเพิ่มขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ และจำนวนเที่ยวบิน และเส้นทางบินที่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองว่า จากการที่ภาครัฐได้ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวทำให้ แนวโน้มรายได้ของอุตฯ การบิน และการขนส่งคมนาคมจะเพิ่มขึ้นมาจากการเดินทางท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักมากขึ้น

ขณะที่ในส่วนของผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯ คาดว่า กำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 757.75 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 10-11% ตามทิศทางการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และบริการที่เริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากกว่าปกติด ซึ่งคาดว่าการเติมน้ำมันปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 9.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ปริมาณการเติมน้ำมันเติบโตที่ 9.4%

ขณะที่ในส่วนของการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ลงซึ่งจากเดิมบริษัทถือครองหุ้นของ FPT อยู่ที่ 91.55% โดยสัดส่วนการถือหุ้นใหม่จะเหลือประมาณ 75% ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวน 16.55 % ไปใช้ในการลงทุนโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายจากโครงการที่มีมูลกว่า 7,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 30 เดือนโดยในขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปบ้างแล้ว

“ถึงแม้ว่าบริษัทจะลดการถือครองหุ้นของ FPT ลง แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ ซึ่งเงินที่ได้จากการขายหุ้นออกไปนั้น จะนำมาใช้ในการลงทุนโครงการขนส่งน้ำมันทางท่อ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะท่อน้ำมันซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และหุ้นที่ขายออกไปนั้น เป็นจำนวนไม่มากคาดว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการดำเนินธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัท"

ทั้งนี้ การลดสัดส่วนการถือครองหุ้นใน FPT คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ขณะที่ในส่วนของงานด้านอื่น คาดว่าจะสามารถแล้วเสร็จภายในปีนี้เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น