สภาธุรกิจตลาดทุน แนะรัฐบาลทำคลอด พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ประเทศ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน มองเฟดขึ้นดอกเบี้ยตลาดหุ้นไทยรับมือไหว สภาพคล่องล้น กองทุนแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟหนุน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศต่อเนื่องแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล และสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนสร้างโรงงาน และลงทุนในตลาดทุน คณะร่างรัฐธรรมนูญอาจต้องกำหนดบทเฉพาะกาลเรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดต่อไปต้องปฏิบัติตาม
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่ง คือ รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายอาจผลักดัน พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อให้เอกชนเห็นว่าประเทศไทยในอนาคตจะเดินไปในทิศทางใด
ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องเน้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (PPP) ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
นายไพบูลย์ ยังได้มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้จะอยู่ประมาณ 1,450-1,500 จุด และแนวโน้ม 6 เดือนข้างหน้าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศหลักทั้งจีน ญี่ปุ่น และยุโรปมีแนวโน้มออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จะมีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกมาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อระดับดัชนีหุ้นไทยในเดือน ม.ค.2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในกรอบทรงตัว โดยนักลงทุนมองว่า หมวดอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน คือ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจ คือ เหล็ก
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยแม้จะถูกกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เนื่องจากระดับการถือครองหุ้นไทยของผู้ลงทุนต่างชาติลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี รวมทั้งสภาพคล่องในระบบการเงินไทยยังคงล้นอยู่ อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ รวมถึงจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีแรงผลักไปยังธุรกิจอื่นๆ รวมถึงการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ล่าช้ามานาน และธุรกิจท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวรวดเร็ว
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง คือ ความผันผวนในตลาดการเงิน แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สวนทางต่อธนาคารกลางส่วนใหญ่ที่ยังใช้นโยบายผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพภายนอกของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เห็นได้จากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ทุนสำรองในประเทศยังแข็งแกร่ง
