ASEFA เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2558 ฟันกำไรพุ่งกว่า 225.57% ส่วนรายได้ 3 ไตรมาสทะลุรายได้ทั้งปีของปีก่อนที่ 1,700 ล้านบาท คาดไตรมาส 4 เติบโตต่อเนื่อง มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 35-40% จากปี 2557 เหตุแรงหนุนจาก Backlog ในมือ 1,500 ล้านบาท รับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ 1,100 ล้านบาท พร้อมเผยเตรียมประมูลงานเพิ่มอีก 2-3 พันล้านบาท ในต้นปีหน้า
นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 3/2558 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 69.44 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2557 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.11 ล้านบาท หรือร้อยละ 225.57 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 770.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.14 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.80 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 60.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 79.87 ล้านบาท หรือร้อยละ 131.09 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 1,887.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 694.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.19 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
“บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 35-40% จากปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,704.19 ล้านบาท โดยไตรมาส 3/58 รายได้ของบริษัททะลุ 1,800 ล้านบาทแล้ว และบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท โดยมองว่าการเติบโตของโรงไฟฟ้าในประเทศจะมีอีกมาก ซึ่งใช้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นยอดขายส่วนหนึ่งของบริษัทฯ”
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าเติบโตของรายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (2559-2563) เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 15% ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ประกอบกับปี 2559 คาดว่าจะเห็นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่จะทยอยออกมาทั้งจากงานของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้า หน่วยงานราชการอื่นๆ โครงการดาต้าเซ็นเตอร์ และโทรคมนาคมสื่อสาร เป็นต้น สำหรับมูลค่างานที่บริษัทจะเข้าร่วมประมูลอยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่างานดังกล่าวจะเริ่มทยอยประมูลในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตของการดำเนินงานในปีหน้า
