ทุกท่านเคยสงสัยไหมครับว่า ของบางอย่าง หรือแบรนด์บางแบรนด์ทำไมถึงได้มีราคาแพงตลอดปีตลอดชาติ คือแพงแล้วก็ยังแพงได้อีก อย่างเช่น นาฬิกาข้อมือ ขนาดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำแต่บางรุ่นยิ่งเก็บยิ่งแพง, ไวน์ชั้นดียิ่งเก็บก็ยิ่งแพง, กระเป๋าถือหรูๆ ราคาไม่เคยลงเลย บางรุ่นขายต่อได้กำไรอีก
คอนโดมิเนียมก็เช่นกัน แม้ตอนนี้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี คอนโดฯ หรูๆ เริ่มขายยากขึ้นแต่ราคาก็ไม่ลง (แต่อาจจะขึ้นช้า) วันก่อนผมได้มีโอกาสไปฟังบรรยายสรุปการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม The Loft Asoke โดยบริษัทไรมอนแลนด์ (บริษัทนี้ขึ้นชื่อว่าขายแต่คอนโดระดับไฮเอนด์เท่านั้น) ผมชอบที่การออกแบบสไตล์ลอฟท์ ถ้าคนที่ซื้อยูนิตที่อยู่ชั้น 31 ขึ้นไป จะมีกระจกบานใหญ่ๆ ทำหน้าที่เป็นผนังห้องในตัว ถ้าวิวข้างนอกเป็นเซ็นทรัลพาร์ก อาจจะคิดว่าเราอยู่นิวยอร์ก แถมยังมีที่จอดรถรองที่ใช้เทคโนโลยี Automated Parking หรือมีลิฟต์ส่งรถเราไปเก็บให้ถึงที่เหมือนที่เราเริ่มเห็นในฮ่องกง สิงคโปร์ อย่างไรอย่างนั้น
ผมเชื่อว่าโครงการนี้ราคาขายน่าจะทำลายสถิติโครงการอื่นๆ ไปได้ไม่ยาก เพราะตัวโครงการออกแบบมาได้ดี แถมยังอยู่ในสุดยอดทำเลอย่างอโศกอีก รอบๆ ตัวพร้อมด้วยระบบขนส่งมวลชนทั้ง บีทีเอส, เอ็มอาร์ที, แอร์พอร์ตเรลลิงก์ แถมยังอยู่ใกล้กับพระราม 9 ซึ่งคาดว่าจะเป็นย่านซีบีดีแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ อาคารสำนักงานดังๆ รายล้อมอยู่แถวๆ นี้เต็มไปหมด และได้ยินมาว่าจะมีบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ มาจับจองพื้นที่เสียด้วย
ปัจจัยแวดล้อมดีๆ แบบนี้ผมเชื่อว่าจะทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้ถีบราคาสูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ จากตอนนี้ที่ขึ้นชื่อว่าแพงอยู่แล้ว ก็จะแพงขึ้นไปอีก เพราะอะไร?? ก็เพราะยังมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่องครับ ขนาดอโศกได้ชื่อว่าเจริญ และมี Facility ดีๆ อยู่แล้วแต่ก็ยังมีคนพัฒนาโน่นนี่ต่อเนื่อง แต่น่าแปลกใจที่บางทำเลที่ไม่มีคนสนใจก็ไม่มีคนไปพัฒนาอะไรใหม่ๆ เท่าไร ต่อให้ไปลงทุนก็ไม่สามารถขายราคาแพงๆ ได้
ที่พูดมาทั้งหมดนี้เพื่อจะอธิบายว่า เวลาที่เราคิดจะซื้อหุ้นตัวหนึ่งแล้วเห็นราคามันขึ้นไปได้เรื่อยๆ จนเราคิดว่ามันแพงมากแล้ว และปล่อยให้มันขึ้นไป หวังว่าวันหนึ่งมันจะลงมาให้เราเป็นเจ้าของได้บ้าง แต่ปรากฏว่า ราคามันก็แพงไปเรื่อยๆ จนมาดูอีกทีก็ไปไกลมากแล้ว นี่ถึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า ของแพงแล้วยังคงแพงได้อีกครับ ขอให้มีปัจจัยบวกที่จับต้องได้สนับสนุน (ไม่ใช่แค่คำเพ้อฝัน) ไม่ว่าจะราคาหุ้น คอนโดมิเนียม หรือสินค้าใดๆ มันก็จะขยับราคาสูงขึ้นได้เรื่อยๆ ครับ จนถึงจุดที่ราคามันไปไกลกว่าดุลยภาพที่แท้จริงมันถึงจะลงมา
ขณะที่หุ้นหรือสินทรัพย์ที่ถูกอยู่แล้วมันก็มีโอกาสถูกได้ตลอดปีตลอดชาติครับ เราจึงเห็นหุ้นที่พีอีต่ำกว่าสิบเท่า (บางตัวแค่ห้าหกเท่าก็มี) อยู่เต็มตลาดไปหมด เพราะหุ้นพวกนี้ขาดปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ราคาแพงขึ้นได้
ในตลาดหุ้น ถ้าเราได้เจอกับ Super Stock ที่มีพื้นฐานดี ปัจจัยแวดล้อมยังคงสนับสนุนก็สามารถถือได้ยาวๆ ต่อไปครับ เพราะหุ้นแพงในวันนี้ก็อาจจะแพงต่อได้อีกในอนาคต นี่คือธรรมชาติของสรรพสิ่งบนโลกนี้ครับ
นเรศ เหล่าพรรณาย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง
