โพลาริส แคปปิตัล ยกเลิกเพิ่มทุน PP ที่เหลือ แจงข้อกังขาทั้งหมด พร้อมเดินหน้าลงทุน 2 โครงการยักษ์ ลอนดอน-พังงา ชูจุดเด่น 2 บิ๊กโครงการ มูลค่ารวม 1.67 หมื่นล้าน สร้างผลตอบแทนสูง พร้อมแจงแผนเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์ หนุนบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง ปั๊มรายได้เข้าปี 60
นายญาณกร วรากุลรักษ์ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนเดินหน้าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทใน 2 โครงการ เพราะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายที่มีศักยภาพสูงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท คือ โครงการร่วมทุนคอนโดมิเนียม “The Sherwood” สูง 8 ชั้น จำนวน 48 ยูนิต พื้นที่ขายรวม 4,595 ตารางเมตร อยู่บนถนนเชอร์วูด (Sherwood Street) ในประเทศอังกฤษมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาที่ดินที่ จ.พังงา เป็นบ้านพักตากอากาศเพื่อขาย 6 เฟส จำนวน 854 ยูนิต มูลค่าโครงการ 11,100 ล้านบาท
สำหรับโครงการ “The Sherwood” มีแผนจะเปิดขายภายในไตรมาส 4 ปี 2558 จะเปิดขายพร้อมกันทั้งในอังกฤษ ไทย และประเทศในเอเชีย โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มั่นใจว่า โครงการนี้จะได้รับความสนใจอย่างสูง เนื่องจากอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงถือเป็นศูนย์การการค้า และการทำธุรกิจ อีกทั้งด้านหน้าของตึกจัดอยู่ในสิ่งก่อสร้างที่มีความพิเศษด้านสถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์นับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีโดดเด่นมากที่สุดในกรุงลอนดอน
ส่วนโครงการบ้านพักตากอากาศที่ จ.พังงา มีแผนจะพัฒนาเป็นบ้านพักตากอากาศเพื่อขาย 6 เฟส จำนวน 854 ยูนิต ทั้งนี้ บริษัทได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างรอบคอบแล้ว คาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานทั้งโครงการ ประมาณ 20% ในระยะเวลาโครงการ 8 ปี โดยประมาณการเฟส 1 จะสามารถรับรู้รายได้ ราวไตรมาส 3 ปี 2560
โดยโครงการที่พังงามีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ให้ความสนใจโครงการเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ภายในปี 2559 ด้านที่ดินซึ่งบริษัทได้ซื้อมาก่อนหน้าที่ เพื่อพัฒนาโครงการนี้ที่ราคา 2,993 ล้านบาท ถือว่ามีความเหมาะสม และคุ้มค่ามาก เพราะนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐทำให้แนวโน้มการขยายตัวออกจาก จ.ภูเก็ตมาที่ จ.พังงา และกระบี่ อีกทั้งมีความนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติขยายมาทาง จ.พังงา มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นทำเลที่ดินผืนงามที่อยู่ใกล้กับท่าเรือสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้สะดวก อาทิ หมู่เกาะสุรินทร์ อุทยาน หมู่เกาะสิมิลัน อุทยาน หมู่เกาะตาชัย หมู่เกาะพระทอง หมู่เกาะคอเซา หมู่เกาะปันหยี หมู่เกาะยาว และหาดต่างๆ เช่น หาดบางสัก หาดปากวีป หาดบางเนียน หาดท้ายเหมือง ตลอดจนแหลมปะการัง บ่อน้ำร้อน รวมทั้งเขาตะปูพิงกัน และอื่นๆ รวมถึงในอนาคตที่ดินแปลงนี้มีชายหาดติดทะเลกว้างมาก สามารถพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือได้ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งชุมชนมีสาธารณูปโภคของทางราชการครบถ้วน เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ร้านอาหาร และร้านค้าชุมชน
“ทั้งโครงการ “The Sherwood” ที่อังกฤษ และโครงการบ้านพักตากอากาศที่ จ.พังงา ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทที่มีศักยภาพที่สูงมาก หากสามารถดำเนินโครงการได้ตามแผน และเปิดขายได้ตามแผนงานบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากทั้ง 2 โครงการเข้ามาให้ผลการดำเนินงานในปี 2560 และในอนาคตเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญจะเป็นก้าวสำคัญทำให้นโยบายการมุ่งไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสขยายไปได้มากอีกในอนาคตจากแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆที่จะพัฒนาต่อ” นายญาณกร กล่าว
นอกจากนี้ นายญาณกร ได้อธิบายถึงแผนการเพิ่มทุนเดิมที่ยกเลิกไปนั้นว่า บริษัทได้วางแผนไว้เพื่อจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีภาวะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต เนื่องจากการเพิ่มทุนทั้งหมดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนที่กำหนดไว้แล้วระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งต้องใช้เงินทุนมูลค่าประมาณ 4,838 ล้านบาท ได้แก่ โครงการที่อังกฤษ โครงการใน จ.พังงา โครงการคอนดโดนิเนียมที่ทองหล่อ ลงทุนในบริษัทย่อย รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องในอนาคต และแบ่งชำระคืนหนี้สถาบันการเงินเพื่อลดภาระทางการเงินอีกด้วย
ทั้งนี้ ได้แจกแจงแผนการจัดสรรหุ้น PP เดิมที่บริษัทอนุมัติให้กับนักลงทุนทั้ง 4 รายนั้น คณะกรรมการของบริษัท (บอร์ด) ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นผู้มีศักยภาพที่จะเพิ่มทุนได้จริง และจะเข้ามาสร้างประโยชน์ช่วยเสริมศักพภาพทางธุรกิจให้บริษัท ส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัท ส่วนการออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO), การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 4 (POLAR-W4) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ถือเป็นการให้สิทธิ และคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นบริษัทเป็นที่ตั้ง และมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามการเติบโตของผลประกอบบริษัทในอนาคต
“ที่ผ่านมา บอร์ดได้พิจารณาแล้วว่า เงินทุนที่จะได้รับจากการเพิ่มทุน จะนำประโยชน์มาให้บริษัทอย่างมาก ทั้งเรื่องต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และช่วยสร้างโอกาสการสร้างรายได้จากการทำโครงการ “The Sherwood” ในอังกฤษ โดยจะทำการตลาด และเปิดขายในปลายปีนี้ และเชื่อมั่นว่า ผลจากการใช้เงินเพิ่มทุนนั้น จะนำมาซึ่งชื่อเสียง และความสำเร็จให้แก่บริษัทอย่างแน่นอน รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในแผนงาน และโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายญาณกร กล่าว
นายญาณกร วรากุลรักษ์ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนเดินหน้าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทใน 2 โครงการ เพราะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายที่มีศักยภาพสูงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท คือ โครงการร่วมทุนคอนโดมิเนียม “The Sherwood” สูง 8 ชั้น จำนวน 48 ยูนิต พื้นที่ขายรวม 4,595 ตารางเมตร อยู่บนถนนเชอร์วูด (Sherwood Street) ในประเทศอังกฤษมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาที่ดินที่ จ.พังงา เป็นบ้านพักตากอากาศเพื่อขาย 6 เฟส จำนวน 854 ยูนิต มูลค่าโครงการ 11,100 ล้านบาท
สำหรับโครงการ “The Sherwood” มีแผนจะเปิดขายภายในไตรมาส 4 ปี 2558 จะเปิดขายพร้อมกันทั้งในอังกฤษ ไทย และประเทศในเอเชีย โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มั่นใจว่า โครงการนี้จะได้รับความสนใจอย่างสูง เนื่องจากอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงถือเป็นศูนย์การการค้า และการทำธุรกิจ อีกทั้งด้านหน้าของตึกจัดอยู่ในสิ่งก่อสร้างที่มีความพิเศษด้านสถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์นับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีโดดเด่นมากที่สุดในกรุงลอนดอน
ส่วนโครงการบ้านพักตากอากาศที่ จ.พังงา มีแผนจะพัฒนาเป็นบ้านพักตากอากาศเพื่อขาย 6 เฟส จำนวน 854 ยูนิต ทั้งนี้ บริษัทได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างรอบคอบแล้ว คาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานทั้งโครงการ ประมาณ 20% ในระยะเวลาโครงการ 8 ปี โดยประมาณการเฟส 1 จะสามารถรับรู้รายได้ ราวไตรมาส 3 ปี 2560
โดยโครงการที่พังงามีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ให้ความสนใจโครงการเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ภายในปี 2559 ด้านที่ดินซึ่งบริษัทได้ซื้อมาก่อนหน้าที่ เพื่อพัฒนาโครงการนี้ที่ราคา 2,993 ล้านบาท ถือว่ามีความเหมาะสม และคุ้มค่ามาก เพราะนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐทำให้แนวโน้มการขยายตัวออกจาก จ.ภูเก็ตมาที่ จ.พังงา และกระบี่ อีกทั้งมีความนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติขยายมาทาง จ.พังงา มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นทำเลที่ดินผืนงามที่อยู่ใกล้กับท่าเรือสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้สะดวก อาทิ หมู่เกาะสุรินทร์ อุทยาน หมู่เกาะสิมิลัน อุทยาน หมู่เกาะตาชัย หมู่เกาะพระทอง หมู่เกาะคอเซา หมู่เกาะปันหยี หมู่เกาะยาว และหาดต่างๆ เช่น หาดบางสัก หาดปากวีป หาดบางเนียน หาดท้ายเหมือง ตลอดจนแหลมปะการัง บ่อน้ำร้อน รวมทั้งเขาตะปูพิงกัน และอื่นๆ รวมถึงในอนาคตที่ดินแปลงนี้มีชายหาดติดทะเลกว้างมาก สามารถพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือได้ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งชุมชนมีสาธารณูปโภคของทางราชการครบถ้วน เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ร้านอาหาร และร้านค้าชุมชน
“ทั้งโครงการ “The Sherwood” ที่อังกฤษ และโครงการบ้านพักตากอากาศที่ จ.พังงา ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทที่มีศักยภาพที่สูงมาก หากสามารถดำเนินโครงการได้ตามแผน และเปิดขายได้ตามแผนงานบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากทั้ง 2 โครงการเข้ามาให้ผลการดำเนินงานในปี 2560 และในอนาคตเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญจะเป็นก้าวสำคัญทำให้นโยบายการมุ่งไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสขยายไปได้มากอีกในอนาคตจากแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆที่จะพัฒนาต่อ” นายญาณกร กล่าว
นอกจากนี้ นายญาณกร ได้อธิบายถึงแผนการเพิ่มทุนเดิมที่ยกเลิกไปนั้นว่า บริษัทได้วางแผนไว้เพื่อจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีภาวะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต เนื่องจากการเพิ่มทุนทั้งหมดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนที่กำหนดไว้แล้วระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งต้องใช้เงินทุนมูลค่าประมาณ 4,838 ล้านบาท ได้แก่ โครงการที่อังกฤษ โครงการใน จ.พังงา โครงการคอนดโดนิเนียมที่ทองหล่อ ลงทุนในบริษัทย่อย รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องในอนาคต และแบ่งชำระคืนหนี้สถาบันการเงินเพื่อลดภาระทางการเงินอีกด้วย
ทั้งนี้ ได้แจกแจงแผนการจัดสรรหุ้น PP เดิมที่บริษัทอนุมัติให้กับนักลงทุนทั้ง 4 รายนั้น คณะกรรมการของบริษัท (บอร์ด) ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นผู้มีศักยภาพที่จะเพิ่มทุนได้จริง และจะเข้ามาสร้างประโยชน์ช่วยเสริมศักพภาพทางธุรกิจให้บริษัท ส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัท ส่วนการออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO), การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 4 (POLAR-W4) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ถือเป็นการให้สิทธิ และคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นบริษัทเป็นที่ตั้ง และมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามการเติบโตของผลประกอบบริษัทในอนาคต
“ที่ผ่านมา บอร์ดได้พิจารณาแล้วว่า เงินทุนที่จะได้รับจากการเพิ่มทุน จะนำประโยชน์มาให้บริษัทอย่างมาก ทั้งเรื่องต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และช่วยสร้างโอกาสการสร้างรายได้จากการทำโครงการ “The Sherwood” ในอังกฤษ โดยจะทำการตลาด และเปิดขายในปลายปีนี้ และเชื่อมั่นว่า ผลจากการใช้เงินเพิ่มทุนนั้น จะนำมาซึ่งชื่อเสียง และความสำเร็จให้แก่บริษัทอย่างแน่นอน รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในแผนงาน และโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายญาณกร กล่าว