xs
xsm
sm
md
lg

บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 พ.ย. นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ผู้บริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 พ.ย. นี้

ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 โดย J ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนของโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยีเพื่อนำมาจัดสรรให้ผู้ประกอบธุรกิจเช่าต่อภายใต้ชื่อ “IT Junction” ปัจจุบันมี 43 สาขา ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดสำคัญทั่วประเทศ และได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน (community mall) ภายใต้ชื่อ “J Market” และ “The Jas” ตามลำดับ ทั้งนี้ J เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่เล็งเห็นโอกาสเติบโตของบริษัทย่อยจึงนำเข้าจดทะเบียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
J มีทุนชำระแล้ว 370.39 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 250 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120.39 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ JMART 48.16 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 26-28 ตุลาคม 2558 และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 72.23 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2558 ในราคาหุ้นละ 2.77 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 333.48 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,025.98 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 70% จะนำไปขยายธุรกิจทั้ง IT Junction J Market และ The Jas เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในอนาคต ส่วนที่เหลืออีก 30% จะนำไปชำระคืนเงินกู้ นอกจากนี้ การที่ J เป็นบริษัทในกลุ่มของ JMART จะเป็นส่วนสนับสนุนให้การบริการของ J เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับ และครบวงจรมากยิ่งขึ้น

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ J 3 ลำดับแรก ได้แก่ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 67.50% กลุ่มครอบครัวสุขุมวิทยา ถือหุ้น 1.80% และกลุ่มครอบครัวพงษ์อัชฌา ถือหุ้น 1.10% การกำหนดราคาหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 21.54 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 กรกฎาคม 2557-30 มิถุนายน 2558) ปรับลดด้วยผลขาดทุนทางบัญชีจากรายการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินของโครงการ หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) แต่หากไม่ปรับลดผลขาดทุนทางบัญชีดังกล่าว จะทำให้มี P/E ratio ที่ 12.68 เท่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ และเงินสำรองตามกฎหมายจากงบการเงินรวม

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.jasasset.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th


กำลังโหลดความคิดเห็น