ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เข้าซื้อขายในตลาดวันแรกปิดที่ 1.91 บาท ต่ำกว่าราคาจอง IPO ที่หุ้นละ 1.95 บาท หรือลดลง 0.04 บาท คิดเป็น 2.05% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,400.45 ล้านบาท ผู้บริหารเดินหน้านำเงินใช้ขยายงาน และหาตลาดส่งออกไปยังอียูและญี่ปุ่น
วันนี้ (8 ต.ค.) หุ้นของบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก โดยเปิดการซื้อขายเช้านี้พบว่า ราคาเปิดอยู่ที่ 1.75 บาท ลดลง 10.26% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.95 บาท และเมื่อเวลา 12.10 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.90 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 2.56% ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 2.02 บาท ต่ำสุดที่ 1.75 บาท และเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.91 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 2.05% จากราคาจอง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,400.45 ล้านบาท
โดย TFG มีทุนชำระแล้ว 5,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 4,000 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,100 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,145 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,945 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวว่า แผนดำเนินงานหลังจากจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดไปยังตลาดอียูและญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัตถุดิบด้วยการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์ “ไทยอร่อย” ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผลิตภัณฑ์ โดยปัจจุบันได้เริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีแผนขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม คาดว่าจากแผนงานดังกล่าว จะช่วยให้ TFG สามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และช่วยรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ในระดับ 15% สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปขยายธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร และธุรกิจอาหารสัตว์ รวมถึงการชำระหนี้คงค้าง และเป็นเงินทุนหมุนเวียน สำหรับใช้ในการดำเนินการทั่วไป
ทั้งนี้ TFG แจ้งผลงานงวดล่าสุด ไตรมาส 2 ปี 858 พบว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 448.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 250.17 ล้านบาท ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 928.94 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 642.71 ล้านบาท
สำหรับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ของ TFG ได้แก่ กลุ่มนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ถือหุ้น 79.07% รองลงมา ได้แก่ นายเอก งามทิพยพันธุ์ ถือหุ้น 1.26% และ บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด ถือหุ้น 1.16%