พีทีที โกลบอล เคมิคอล ไตรมาส 3 ปีนี้กำไรลด 84% ผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และราคาเพราะน้ำมันดิบที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ กำลังการผลิตของหน่วยอะโรเมติกส์ลดลง ส่งผลให้มาร์จิ้นต่อหน่วยต่ำลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบลดลงส่งผลให้มีผลขาดทุนจากสต๊อกวัตถุดิบนำเข้าผลิต และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มธุรกิจการกลั่น
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,207 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7,658 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 84% ขณะที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่ 9.36 หมื่นล้านบาท ลดลง 34% จาก 1.41 แสนล้านบาท ในงวดเดียวกันปีก่อน
โดยผลประกอบการที่ลดลง เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและราคา เพราะน้ำมันดิบที่ลดลง ในไตรมาส 3/58 และบริษัทยังรักษาอัตราการทำกำไร (Adjusted EBITDA Margin) ได้ ในระดับปกติที่ 11% โดยธุรกิจโอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ยังรักษาระดับ Adjusted EBITDA Margin ได้ที่ 24% โดยอัตราการใช้ กำลังการผลิตรวมของโรงโอเลฟินส์ ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 93% ขณะที่ในส่วนธุรกิจการกลั่น สามารถใช้กำลังการผลิตของหน่วย CDU ได้อย่างเต็มที่ 101% ทำให้ในไตรมาส 3/58 บริษัทรายงานค่าการกลั่นของหน่วย CDU ที่ 5.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์อัตราใช้กำลังการผลิตของหน่วยอะโรเมติกส์รวม ลดลงมาอยู่ที่ 57% ทำให้ Margin ต่อหน่วยของธุรกิจนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 183 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนในไตรมาส 3 ราคาน้ำมันดิบลดลง 19% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกวัตถุดิบนำเข้าผลิต และผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม ธุรกิจการกลั่น 2.05 พันล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์อีก 428 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงในไตรมาส 3 อีก 2.14 พันล้านบาท
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,207 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7,658 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 84% ขณะที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่ 9.36 หมื่นล้านบาท ลดลง 34% จาก 1.41 แสนล้านบาท ในงวดเดียวกันปีก่อน
โดยผลประกอบการที่ลดลง เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและราคา เพราะน้ำมันดิบที่ลดลง ในไตรมาส 3/58 และบริษัทยังรักษาอัตราการทำกำไร (Adjusted EBITDA Margin) ได้ ในระดับปกติที่ 11% โดยธุรกิจโอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ยังรักษาระดับ Adjusted EBITDA Margin ได้ที่ 24% โดยอัตราการใช้ กำลังการผลิตรวมของโรงโอเลฟินส์ ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 93% ขณะที่ในส่วนธุรกิจการกลั่น สามารถใช้กำลังการผลิตของหน่วย CDU ได้อย่างเต็มที่ 101% ทำให้ในไตรมาส 3/58 บริษัทรายงานค่าการกลั่นของหน่วย CDU ที่ 5.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์อัตราใช้กำลังการผลิตของหน่วยอะโรเมติกส์รวม ลดลงมาอยู่ที่ 57% ทำให้ Margin ต่อหน่วยของธุรกิจนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 183 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนในไตรมาส 3 ราคาน้ำมันดิบลดลง 19% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกวัตถุดิบนำเข้าผลิต และผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม ธุรกิจการกลั่น 2.05 พันล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์อีก 428 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงในไตรมาส 3 อีก 2.14 พันล้านบาท
