ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์” ขายไอพีโอ 168 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ชูจุดเด่นเป็นหุ้นที่มีอนาคต ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ผู้บริหารเตรียมเดินหน้าขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตร พร้อมรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มฐานลูกค้า
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณานับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา โดย TACC มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 168 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท แบ่งเป็นเสนอขายต่อประชาชน จำนวน 159 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 9 ล้านหุ้น โดยเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ TACC ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจเครื่องดื่มมานานกว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจ และสภาพตลาดเครื่องดื่มทั้งในประเทศ และประเทศในแถบอินโดจีนเป็นอย่างดี จนทำให้ปัจจุบัน TACC เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มในโถกดที่จำหน่ายใน 7-Eleven รวมถึงเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวของประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อทีมงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมาก ทำให้สามารถคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญการที่ TACC เป็นพันธมิตรกับ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นช่องทางที่สำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวว่า เตรียมนำเงินที่ได้จาก IPO ไปลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ (vending Machine) ร่วมกับพันธมิตรทางการค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริโภคที่เติบโตขึ้นในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ โดยวางเป้าหมายติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติแบบร้อนให้ได้ประมาณ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน โดยใช้จุดแข็งของผลไม้ไทยที่มีความอร่อยเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีน มาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง ตรา “สวัสดี” ที่มีส่วนผสมของชิ้นเนื้อผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นนมทุเรียนผสมเนื้อทุเรียน หรือนมมะม่วงผสมเนื้อมะม่วง ซึ่งปัจจุบันเราได้เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มสวัสดีผ่านช่องทางออนไลน์เข้าไปในประเทศจีนแล้ว TACC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาการ ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา และกาแฟ ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่าง
โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ เครื่องดื่มในโถกดที่ร่วมพัฒนากับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) เพื่อวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ “7-Eleven” ที่มีสาขากระจายทั่วประเทศมากกว่า 8,000 สาขา เช่น กาแฟเย็น ซึ่งเป็นตราสินค้าของ 7-Eleven และชานม ภายใต้ตราสินค้า “เชนย่า” (Zenya) ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทฯ อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตามฤดูกาล เช่น กาแฟลาเต้ ชากลิ่นจับเลี้ยง ชาเขียวมัทฉะ ชาเขียวนมกลิ่นแคนตาลูป โอเลี้ยง และกาแฟสูตรเย็นเจ ให้แก่ 7-Eleven อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ช่วงกลางปี 2557 ได้มีการพัฒนาเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงพร้อมชง เพื่อจำหน่ายให้แก่ร้าน All Cafe' ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มชงสดที่ตั้งอยู่ในร้าน 7-Eleven ที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่ม ตรา “เชนย่า”, กาแฟปรุงสำเร็จ ตรา “วีสลิม”, เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง ตรา “ชาช่า”, “ตรา ณ อรุณ” และตรา “สวัสดี” ซึ่งจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกของปี 2558 มีรายได้รวม 498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 38.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 69.05 ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2557 มีรายได้รวม 1,007.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.84 ล้านบาท โดยบริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ร้อยละ 93.39 ในปี 2557 และร้อยละ 75.52 ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2558
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณานับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา โดย TACC มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 168 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท แบ่งเป็นเสนอขายต่อประชาชน จำนวน 159 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 9 ล้านหุ้น โดยเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ TACC ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจเครื่องดื่มมานานกว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจ และสภาพตลาดเครื่องดื่มทั้งในประเทศ และประเทศในแถบอินโดจีนเป็นอย่างดี จนทำให้ปัจจุบัน TACC เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มในโถกดที่จำหน่ายใน 7-Eleven รวมถึงเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวของประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อทีมงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมาก ทำให้สามารถคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญการที่ TACC เป็นพันธมิตรกับ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นช่องทางที่สำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวว่า เตรียมนำเงินที่ได้จาก IPO ไปลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ (vending Machine) ร่วมกับพันธมิตรทางการค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริโภคที่เติบโตขึ้นในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ โดยวางเป้าหมายติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติแบบร้อนให้ได้ประมาณ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน โดยใช้จุดแข็งของผลไม้ไทยที่มีความอร่อยเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีน มาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง ตรา “สวัสดี” ที่มีส่วนผสมของชิ้นเนื้อผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นนมทุเรียนผสมเนื้อทุเรียน หรือนมมะม่วงผสมเนื้อมะม่วง ซึ่งปัจจุบันเราได้เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มสวัสดีผ่านช่องทางออนไลน์เข้าไปในประเทศจีนแล้ว TACC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาการ ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา และกาแฟ ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่าง
โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ เครื่องดื่มในโถกดที่ร่วมพัฒนากับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) เพื่อวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ “7-Eleven” ที่มีสาขากระจายทั่วประเทศมากกว่า 8,000 สาขา เช่น กาแฟเย็น ซึ่งเป็นตราสินค้าของ 7-Eleven และชานม ภายใต้ตราสินค้า “เชนย่า” (Zenya) ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทฯ อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตามฤดูกาล เช่น กาแฟลาเต้ ชากลิ่นจับเลี้ยง ชาเขียวมัทฉะ ชาเขียวนมกลิ่นแคนตาลูป โอเลี้ยง และกาแฟสูตรเย็นเจ ให้แก่ 7-Eleven อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ช่วงกลางปี 2557 ได้มีการพัฒนาเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงพร้อมชง เพื่อจำหน่ายให้แก่ร้าน All Cafe' ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มชงสดที่ตั้งอยู่ในร้าน 7-Eleven ที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่ม ตรา “เชนย่า”, กาแฟปรุงสำเร็จ ตรา “วีสลิม”, เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง ตรา “ชาช่า”, “ตรา ณ อรุณ” และตรา “สวัสดี” ซึ่งจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกของปี 2558 มีรายได้รวม 498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 38.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 69.05 ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2557 มีรายได้รวม 1,007.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.84 ล้านบาท โดยบริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ร้อยละ 93.39 ในปี 2557 และร้อยละ 75.52 ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2558