ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นที่เรียบร้อย จากนี้ไปเหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่ถึง 3 เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะ SET Index ทั้งปีนี้อยู่ในภาวะทรงตัวจนถึงขาลงตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสสุดท้ายตามสถิติย้อนหลังมักจะเป็นช่วงเวลาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของปี (หรือไม่งั้นก็แย่ที่สุดของปีไปเลย เช่น ในปี 2008 ที่เกิดวิกฤต หรือปีที่แล้วซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานใหญ่) ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้
หนึ่ง...เป็นฤดูไฮซีซันของการจับจ่าย ผู้คนจะเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ หรือออกท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ ส่วนภาคการผลิตจะเป็นช่วงของการสั่งสินค้าเพื่อนำไปใช้จำหน่ายช่วงสิ้นปี หุ้นที่ได้รับผลบวก เช่น กลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
สอง...ตลาดหุ้นมักจะมองข้ามไตรมาสสุดท้าย และพุ่งตรงไปยังเศรษฐกิจปีหน้าว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ทำให้นักลงทุนส่วนมากจะเทรดหุ้นโดยนำคาดการณ์ผลกำไรบริษัทจดทะเบียน ค่าพีอีของตลาดฯ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้ามา Price In การเทรดในไตรมาสสุดท้ายล่วงหน้าไปก่อนเสมอ ทำนองว่าแม้ปีนี้จะแย่ แต่ขอมองโลกสวยว่าปีหน้าต้องดีกว่าเก่าไว้ก่อน
สาม...มนุษย์เงินเดือนมักจะซื้อกองทุนประหยัดภาษี อย่าง LTF ในช่วงปลายๆ ปี (ทั้งที่จริงแล้วควรซื้อเฉลี่ยมาตลอดทั้งปีมากกว่า) โดยเฉพาะในงาน SET In The City ประมาณเดือนพฤศจิกายน จะมียอดซื้อกองทุน LTF เข้ามามากเป็นพิเศษ ทำให้กองทุนต้องเข้าซื้อหุ้นเพื่อให้คงระดับการถือหุ้นให้ได้ตามกฎคือ 75% ขึ้นไป
สี่...ช่วงสิ้นปีมักจะมีมหกรรมนักวิเคราะห์หลายงานซึ่งจะแนะนำหุ้นที่น่าลงทุนในปีหน้า ทำให้เกิดแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยเข้ามามากเป็นพิเศษน อกจากนี้ นักลงทุนสถาบันบางแห่งมีนโยบายปิดบัญชีประจำปีเพื่อโชว์ NAV ต่อลูกค้า จึงอาจจะมีการไล่ทำราคาขึ้นมาในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสที่ 4 ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแถลงนโยบาย และคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าของธนาคารกลางสำคัญต่างๆ ของโลก เช่น FED, ECB หากคาดการณ์ออกมาแย่ลง หรือจะมีนโยบายที่อาจส่งผลลบต่อตลาด เช่น ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อาจทำให้ตลาดซึมซับข่าวร้าย และปรับฐานลง สำหรับประเทศไทย สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป หากคำนวณจากฐานในปีนี้ซึ่งมีอัตราเติบโตต่ำกว่าทุกปีหากปีหน้าเศรษฐกิจฟื้นตัวในระดับปกติ ก็จะทำให้ตัวเลขจีดีพีเติบโตในระดับที่สูงกว่าปกติด้วยเช่นกัน (เพราะปีที่แล้วฐานต่ำ) ขณะเดียวกัน ปัจจัยทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าของการเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญ เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีความชัดเจนจะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับมายังตลาดหุ้นไทยได้
ทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของหนังสือ “DayTrade Hunter เครื่องจักรผลิตเงินสด” ของซัน กระทรวง จารุศิระ ขอเชิญร่วมงานเปิดตัวได้วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมรอยัล เบญจา สุขุมวิทซอย 5 ห้องเบญจรงค์บอลรูม ชั้น 3 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 โดยสามารถร่วมประมูลเลขสวยเพื่อนำเงินไปทำบุญร่วมกันได้ งานเปิดกว้างทั้งผู้ที่แข่งขัน SuperTrader ซีซั่ 2 และบุคคลทั่วไปเพียงแค่ซื้อหนังสือก็สามารถเข้างานได้ทันที แล้วพบกันนะครับ
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง
