ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 9.00 บาท ในวันที่ 30 ก.ย.-2 ต.ค.58 นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี มียอดจองในส่วนสถาบันล้น 11 เท่า พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 7 ต.ค.2558 ด้านที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจพื้นฐานดี มีอนาคตสดใส ด้านผู้บริหาร “พีระพงศ์ จรูญเอก” ปลื้มนักลงทุนจองหุ้นเกลี้ยง หวังนำเงินที่ได้ไปซื้อที่ดิน ขยายโครงการใหม่ๆ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดจองหุ้น บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ในช่วงระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-2 ต.ค.2558 พบว่า นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดจองในส่วนสถาบันล้น 11 เท่า จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 9.00 บาท และมีส่วนลดประมาณ 28% เมื่อเทียบกับราคายุติธรรมจากบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทฯ โดยได้มีการจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบัน 20% นักลงทุนทั่วไป 50% และผู้อุปการคุณ 30% โดย บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในวันที่ 7 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ทางบล.กสิกรไทย ประเมินว่า การที่นักลงทุนให้ความสนใจจองหุ้น IPO ของ ORI เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่แสดงความต้องการจองซื้อ (Book Building) เข้ามามากถึง 11 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของ ORI ที่มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจทางด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม ตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทเป็นลักษณะคอนโดมิเนียมประเภท Low Rise และ High Rise ที่สามารถผสมผสานระหว่างการรับรู้รายได้ได้เร็ว และมีผลตอบแทนจากอัตรากำไรที่สูง
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อกระแสตอบรับจากนักลงทุนในการจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทฯ และมั่นใจในศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 1,350 ล้านบาทในครั้งนี้จะนำไปใช้พัฒนาโครงการในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในแถบรอบนอกกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งแนวเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ศรีราชา ซึ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นทุกปี และจัดเป็นไฮไลต์สำคัญในด้านของทำเล และความสะดวกเรื่องการเดินทาง โดยคาดว่าจะมีการเปิดโครงการได้ในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ORI เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตสูงจากทิศทางการขยายธุรกิจที่ชัดเจน และต่อเนื่อง ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอันดับต้นๆ ของประเทศ
โดยจะเห็นได้จากความเป็น ORI ต่างจาก Developer รายอื่น คือ ORI มี Growth ในช่วง 2 ปีข้างหน้าที่สูง ในขณะที่เจ้าอื่นๆ มี Growth ในอัตราที่ระดับไม่เกิน 10% อันเนื่องมาจากการชะลอการเปิดตัวโครงการในปี 2014 จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้ยอด Presale และ backlog ที่จะรับรู้ในอนาคตลดลง ขณะเดียวกัน ORI มี GPM ที่ 41.7% และ NPM 21.5% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น จากประเด็นดังกล่าวในข้างต้น บริษัทฯ จึงมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำความสำเร็จให้แก่กลุ่มนักลงทุนได้เล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทได้เป็นอย่างดี