“เอื้อวิทยา” เดินหน้าเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้าต่อเนื่อง ล่าสุด ปิดดีลเพิ่มอีก 2 โรง กำลังผลิตรวมกว่า 17.4 เมกะวัตต์ พร้อมสัญญาขายไฟ IRR สูง 26% ตุนโรงไฟฟ้าเข้าพอร์ตรวมแล้วเกือบ 40 เมกะวัตต์ ย้ำลุยตามแผนที่ประกาศไว้ สร้างรายได้ก้าวกระโดด
นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่ง กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และ 7.5 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้น 100% ซึ่งจะใช้เงินลงทุน และปรับปรุงเครื่องจักรทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 923 ล้านบาท ทั้งนี้ มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน หรือ Leverage IRR เฉลี่ยสูงกว่า 26% คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมจากการขายไฟประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี และจะเริ่มรับรู้รายได้ในต้นปี 2559 ทันที หลังจากที่เข้าปรับปรุงเครื่องจักร และเดินระบบ ในขณะเดียวกัน การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งนี้ถือเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีขนาดรายการถึงเกณฑ์ที่จะต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ หรือ IFA แล้ว เพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้น และจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 นี้ โดยการตัดสินใจเข้าลงทุนโครงการดังกล่าว บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบสถานภาพโรงไฟฟ้า หรือ Due Diligence ทั้ง 2 แห่ง ทั้งด้านกฎหมาย ด้านการเงิน และด้านเทคนิค มากว่า 3 เดือนแล้ว และมีความพร้อมที่จะเข้าไปปรับปรุงเครื่องจักรให้สอดคล้องต่อเชื้อเพลิงชีวมวลผสมผสาน ที่บริษัทฯ มีความชำนาญโดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งนี้ ตั้งอยู่บนที่ดินติดกัน จึงทำให้เกิดประสิทธิภาพทั้งในการบริหารจัดการ และการจัดส่งเชื้อเพลิง และที่สำคัญบริษัทฯ มีการวางแผนงานด้านพื้นที่ปลูกต้นเนเปียร์ และการจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลในพื้นที่ไว้เบื้องต้นแล้ว โดยบริษัทฯ จะจัดหาที่ดินในการปลูกพืชพลังงาน ผนวกกับให้คนในพื้นที่โดยรอบที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีส่วนร่วมในการพัฒนาพืชพลังงานควบคู่ไปกับการดำเนินการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทฯ อีกด้วย
“เรายังคงเดินหน้าตามแผนงานที่จะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการลงทุนทุกครั้ง บริษัทฯ มีการศึกษารายละเอียดต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนด้านพลังงานของบริษัทฯ จะเดินหน้าไปได้ตามแผนอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีหน้า” นายพีรทัศน์ กล่าว
ส่วนการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น หรือ Record Date คือ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 โดยในการประชุมครั้งนี้จะมีวาระการขออนุมัติออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้มารองรับต่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานของบริษัทฯ ที่มีแผนการลงทุน และสร้างความเติบโตทางรายได้อย่างชัดเจนในปี 2559 นี้