คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ ย้ำครึ่งปีหลังธุรกิจเติบโตโดดเด่น คาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทฯ หลังตุนมูลค่างานในมือแล้วกว่า 550 ลบ. พร้อมเดินหน้ารุกประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ชี้นวัตกรรมหม้อแปลง “อะมอร์ฟัส” จะส่งผลดีในระยะยาวต่ออัตรากำไรขั้นต้นในอนาคต ประธานบอร์ดเล็งขยายฐานลูกค้าใหม่ มั่นใจรายได้ปี 58 โตเพิ่ม 30% จากปีก่อน
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC กล่าวว่า หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทฯ สามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้งจากช่วงที่ผ่านมาไตรมาส 1/58 ผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ซึ่งถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยหลังจากนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58 ไปจนถึงไตรมาส 4/58 รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตตามลำดับ จากการส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าให้แก่ทางภาคเอกชนในส่วนพลังงานทดแทน (งานโซลาร์ฟาร์ม) และงานทยอยส่งมอบของภาครัฐ ที่ล่าสุด ได้ส่งมอบงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวง จากการเข้าไปประมูลก่อนหน้านี้ที่มูลค่าโครงการ 155 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) หม้อแปลงไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะได้อานิสงส์จากโครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ และเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้าในประเทศมากเกินไป โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในประเทศอยู่ที่ 80% และยอดขายต่างประเทศที่ 20%
อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายไตรมาส 4/58 คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าชีวภาพ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสได้รับออเดอร์หม้อแปลงไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวเพิ่ม ซึ่งจะช่วยทำให้หนุนการเติบโต มูลค่างานในมือ (backlog) ให้เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มี backlog อยู่ที่ระดับ 550 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และมั่นใจว่ารายได้ปี 2558 จะเติบโตแตะที่ระดับ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 30%
“เชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะดีขึ้น และครึ่งปีหลังจะต้องสดใสแน่นอน แม้จะขาดทุนในไตรมาส 1/58 แต่ก็ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว หลังจากนี้ คาดว่า QTC จะพลิกกลับมามีกำไรเพิ่มขึ้นจาก ออเดอร์ที่เข้ามาต่อเนื่อง และการทยอยส่งมอบงานให้แก่ทางภาครัฐ และเอกชน และหากไม่ติดปัญหาเลื่อนส่งมอบงานก็จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่มีการตั้งบริษัท”
ส่วนความคืบหน้าโครงการทดลองติดตั้งใช้หม้อแปลงอะมอร์ฟัส ในระบบจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวงเพื่อลดค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียในระบบจำหน่าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับฮิตาชิเมทัลส์ และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับการไฟฟ้านครหลวง ในการทดลองโครงการดังกล่าว โดยทาง กฟน.ได้นำไปทดลองติดตั้งใช้งาน ขณะนี้ถือว่าการทดลองขั้นต้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และเป็นอีกพัฒนาการที่น่าจับตาของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายจากเดิมที่ใช้แกนเหล็กแบบ Silicon steel เป็นแบบแกนเหล็กแบบ Amorphous ซึ่งจะมีค่า loss ในแกนเหล็กที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถลดค่ากำลังไฟฟ้า สูญเสียในระบบจำหน่ายลงได้ทำให้การใช้งานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และถือเป็นผลดีในระยะยาว ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการผลิตเป็นอย่างมาก และส่งผลต่ออัตรกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในอนาคต