การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1,392.73 จุด เพิ่มขึ้น 2.41 จุด หรือ +0.17% มูลค่าการซื้อขายรวม 27,891.78 ล้านบาท โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,394.35 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,382.44 จุด นักวิเคราะห์ฯ มองนักลงทุนรอดูทิศทางต่างชาติหลังเฟดคงดอกเบี้ย ขณะที่ปัญหาหนี้ SSI กระทบหุ้นเจ้าหนี้ในกลุ่มแบงก์ใหญ่ทั้ง KTB และ SCB ฉุดบรรยากาศการลงทุน แต่แรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยประคองดัชนีไม่ให้ปรับลงไปมาก มองการเคลื่อนไหวของดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไปในวันพรุ่งนี้ ให้แนวต้านระดับ 1,400 จุด และแนวรับที่ 1,385 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามา โดยเฉพาะทิศทางการลงทุนของต่างชาติหลังได้เข้าซื้อมาระยะหนึ่งจนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาบ้าง ก่อนจะอ่อนตัวลงไปเมื่อ fund flow ที่คาดว่าจะเข้ามานั้นยังไม่มีความชัดเจน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนรอดูทิศทางชัดเจนก่อนส่งผลให้มูลค่าซื้อขายไม่มากนัก
ขณะที่กรณี บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) มีแนวโน้มจะผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้แบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมนั้น กดดันต่อภาพรวมการลงทุนของตลาดบ้าง เนื่องจากมีแรงขายหุ้นแบงก์ที่ร่วมปล่อยกู้ ซึ่งเป็นแบงก์ขนาดใหญ่อย่าง ธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) ธ.กรุงไทย (KTB) ออกมากดดันต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานกลับเข้ามาจากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ฟื้นตัวขึ้น ช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีปรับตัวลงไปมาก
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) คาดว่า ตลาดจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ แต่อาจยังไม่มีมากนักในช่วงสัปดาห์นี้ โดยมองแนวรับที่บริเวณ 1,385 และแนวต้าน 1,400 จุด ขณะที่กลุ่มแบงก์อาจจะไม่เห็นการรีบาวนด์ในระยะสั้นจากกรณีปัญหาการตั้งสำรอง แต่อาจเห็นการโยกเข้าไปลงทุนในหุ้นแบงก์อื่นที่น่าสนใจ อย่าง KBANK และ TMB เป็นต้น
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,777.71 ล้านบาท ปิดที่ 17.80 บาท ลดลง 0.40 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,269.01 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,190.51 ล้านบาท ปิดที่ 22.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
IFEC มูลค่าการซื้อขาย 1,134.89 ล้านบาท ปิดที่ 10.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ITD มูลค่าการซื้อขาย 873.25 ล้านบาท ปิดที่ 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท