ผู้จัดการตลาดหุ้น mai เผยตลาดหุ้นโลกผันผวนกระทบตลาดหุ้น mai ร่วงลงกว่า 50 จุด เทียบกับปีก่อน แต่ภาพรวม Market Cap ยังสูงกว่าตลาดย่อยสิงคโปร์ และมาเลเซีย พร้อมประสาน ก.ล.ต.บ่มเพาะบริษัทจดทะเบียน หาช่องระดมทุนเตรียมเข้าเทรด IPO ในอนาคต
นายประพันธ์ เจริญประวัติ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ mai กล่าวว่า ขณะนี้ ดัชนี mai INDEX ปรับลงเทียบจากปีก่อนหน้าประมาณ 50 จุด ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด แต่หากพิจารณาตาม Market Cap ของตลาดขนาดเล็กแล้วตลาดหุ้น mai ยังมีขนาดที่ใหญ่กว่าตลาดหุ้นย่อยของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมาเลเซีย อีกทั้งในส่วนของสภาพคล่องทางการเงินยังสูงกว่า 2 ตลาดที่กล่าวมา
ขณะที่ในส่วนของ Market Cap ของตลาดหุ้น mai นั้นขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3.3 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดหุ้นย่อยของประเทศสิงคโปร์มี Market Cap อยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และตลาดหุ้นมาเลเซีย อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 7 บริษัท
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด ซึ่งทางตลาดหุ้น mai ได้ร่วมกันกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็ง และมีช่องทางในการระดมทุน ตลอดจนถึงเตรียมความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนเพื่อให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“ตลาดหุ้น mai ได้หารือกับทาง ก.ล.ต. ในการร่วมพัฒนาบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็ก และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ให้มีช่องทางในการระดมทุนในอนาคต โดยพยายามลดช่องว่าง และอุปสรรคที่มีอยู่ ตลอดจนถึงลดลักษณะงานที่ซ้ำซ้อนกันออกไป โดยจะเน้นหนักในการพัฒนาบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่มีนวัตกรรมโดดเด่นเพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจ และเติบโตไปยังต่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มโครงการ iPOP ที่จะเป็นการเรียนรู้ บ่มเพาะ และการอบรมบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กให้มีความพร้อมในการเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเข้าร่วมโครงการ iPOP ครั้งที่ 4 แล้ว จำนวน 56 บริษัท จากทั้งหมดใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม”
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น mai จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นโดยจะเน้นด้านการเข้าไปให้ความรู้ของบริษัทเพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเบื้องต้น เช่น เรื่องระบบบัญชี การควบคุมภายใน การจัดโครงสร้างบริษัท แนวทางการเข้าจดทะเบียน และการเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน นอกจากนี้ จะมีในส่วนของ IPO FOCUS ที่จะเน้นในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น ได้แก่ การเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ ความเสี่ยง ระบบบัญชี และหลักสูตรการให้ความรู้สำหรับ CFO ของบริษัทจดทะเบียน