AQ เผยศาลฯ สั่งร่วมคืนเงินจำนวนกว่า 1 หมื่นล้าน ให้ KTB กรณีปล่อยกู้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก โดยจำนองที่ดินกว่า 4.2 พันไร่ มูลค่าตลาดเมื่อปี 55 เป็นเงินกว่า 1.2 หมื่นล้าน เชื่อไม่กระทบมากเพราะราคาที่ดินปัจจุบันน่าจะสูงกว่านี้ และบริษัทอาจไม่ต้องร่วมรับผิดในการคืนเงินจำนวนดังกล่าว
บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ระบุว่า ตามที่วานนี้ (26 ส.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2555 โดยมีอัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 27 คน จำเลยเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ โดยพิพากษาซึ่งเกี่ยวข้องต่อบริษัทให้มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
โดยในส่วนของบริษัทให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 26,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินค่าปรับดังกล่าวทางบริษัทได้ดำเนินการจ่ายค่าปรับกับศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และศาลยังตัดสินให้ทางบริษัทร่วมกันคืนเงิน จำนวน 10,004,467,480 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ล้านสี่แสนหกหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยแปดสิบบาทถ้วน) แก่ธนาคารผู้เสียหาย โดยเงินในส่วนนี้ถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วน
จากข้อมูลของมูลหนี้เงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ผู้กู้ คือ บริษัท โกลเด้นอินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (โกลเด้น) ได้มีที่ดินจดจำนองที่เป็นหลักประกัน จำนวน 4,323 ไร่ 1 งาน 55.90 ตารางวา ซึ่งบริษัทได้รับแจ้งจากโกลเด้นว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว โกลเด้นได้ว่าจ้างให้บริษัท ไนท์แฟรงค์ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประเมินราคาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555
โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าเป็นวิธีเปรียบเทียบกับข้อมูลตลาด ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าตลาดเท่ากับ 12,321,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยยี่สิบเอ็ดล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการประเมินราคาเมื่อปี 2555 ซึ่งได้ประเมินเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทางบริษัทก็เชื่อว่า ด้วยทำเลที่ตั้ง และศักยภาพของที่ดินดังกล่าวปัจจุบันคงมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น จึงถือได้ว่าความรับผิดในส่วนของบริษัทที่ถูกตัดสินให้ร่วมกันคืนเงิน จำนวน 10,004,467,480 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ล้านสี่แสนหกหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยแปดสิบบาทถ้วน) นั้น มีหลักทรัพย์ที่คุ้มค่า หรือเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ ซึ่งหากธนาคารผู้เสียหายสามารถขายหลักประกันดังกล่าวได้ ทางบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดในการคืนเงินจำนวนดังกล่าว
ดังนั้น ในการพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว ความรับผิดในการร่วมกันคืนเงินดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะได้ประสานงานกับโกลเด้น จัดให้มีการประเมินที่ดินดังกล่าวเสียใหม่เพื่อให้ทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบันว่า มีมูลค่ายุติธรรมเท่าใด หากมีมูลค่ายุติธรรมต่ำกว่าจำนวนเงินที่บริษัทต้องรับผิดตามคำพิพากษาแล้ว บริษัทจะได้ทำการตั้งสำรองเผื่อการสูญเสียต่อไป ซึ่งหากมีความคืบหน้าประการใดทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ระบุว่า ตามที่วานนี้ (26 ส.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2555 โดยมีอัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 27 คน จำเลยเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ โดยพิพากษาซึ่งเกี่ยวข้องต่อบริษัทให้มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
โดยในส่วนของบริษัทให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 26,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินค่าปรับดังกล่าวทางบริษัทได้ดำเนินการจ่ายค่าปรับกับศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และศาลยังตัดสินให้ทางบริษัทร่วมกันคืนเงิน จำนวน 10,004,467,480 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ล้านสี่แสนหกหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยแปดสิบบาทถ้วน) แก่ธนาคารผู้เสียหาย โดยเงินในส่วนนี้ถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วน
จากข้อมูลของมูลหนี้เงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ผู้กู้ คือ บริษัท โกลเด้นอินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (โกลเด้น) ได้มีที่ดินจดจำนองที่เป็นหลักประกัน จำนวน 4,323 ไร่ 1 งาน 55.90 ตารางวา ซึ่งบริษัทได้รับแจ้งจากโกลเด้นว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว โกลเด้นได้ว่าจ้างให้บริษัท ไนท์แฟรงค์ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประเมินราคาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555
โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าเป็นวิธีเปรียบเทียบกับข้อมูลตลาด ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าตลาดเท่ากับ 12,321,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยยี่สิบเอ็ดล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการประเมินราคาเมื่อปี 2555 ซึ่งได้ประเมินเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทางบริษัทก็เชื่อว่า ด้วยทำเลที่ตั้ง และศักยภาพของที่ดินดังกล่าวปัจจุบันคงมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น จึงถือได้ว่าความรับผิดในส่วนของบริษัทที่ถูกตัดสินให้ร่วมกันคืนเงิน จำนวน 10,004,467,480 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ล้านสี่แสนหกหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยแปดสิบบาทถ้วน) นั้น มีหลักทรัพย์ที่คุ้มค่า หรือเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ ซึ่งหากธนาคารผู้เสียหายสามารถขายหลักประกันดังกล่าวได้ ทางบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดในการคืนเงินจำนวนดังกล่าว
ดังนั้น ในการพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว ความรับผิดในการร่วมกันคืนเงินดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะได้ประสานงานกับโกลเด้น จัดให้มีการประเมินที่ดินดังกล่าวเสียใหม่เพื่อให้ทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบันว่า มีมูลค่ายุติธรรมเท่าใด หากมีมูลค่ายุติธรรมต่ำกว่าจำนวนเงินที่บริษัทต้องรับผิดตามคำพิพากษาแล้ว บริษัทจะได้ทำการตั้งสำรองเผื่อการสูญเสียต่อไป ซึ่งหากมีความคืบหน้าประการใดทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง