ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายภาคเช้าลดลง 11.30 จุด แตะอยู่ที่ระดับ 1,361.23 จุดมูลค่าการซื้อขายซบเซา 21,298.22 ล้านบาท
ดัชนี SET INDEX ปิดตลาดภาคเช้าปรับตัวลดลงกว่า 11.30 จุด โดยเมื่อปิดตลาดดัชนีปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,361.23 จุด หรือ 0.82% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 21,298.22 ล้านบาท ทั้งนี้ดัชนี SET INDEX เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยระหว่างวันปรับตัวสูงสุดอยู่ที่ 1,367.36 จุด และลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 1,357.90 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,283.98 ล้านบาท ปิดที่ราคา 258.00 บาท
2.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,026.40 ล้านบาท ปิดที่ราคา 17.90 บาท
3.PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 986.77 ล้านบาท ปิดที่ราคา 52.50 บาท ปรับตัวลดลง -2.75 บาท
4.JAS มูลค่าการซื้อขาย 788.60 ล้านบาท ปิดที่ราคา 5.05 บาท ปรับตัวลดลง -0.10 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 716.54 ล้านบาท ปิดที่ราคา 265.00 บาท ปรับตัวลดลง -3.00 บาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมา มีทิศทางปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวไปในแดนลบทั้งหมด เนื่องจากตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะซบเซา โดยส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยกดดันจากภายนอกประเทศ ได้แก่ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ จนมีการยิงถล่มตอบโต้กันเกิดขึ้น และสถานการณ์ค่าเงินหยวนในประเทศจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มปรับตัวลงที่ส่งผลต่อปัญหาด้านอุตสาหกรรมส่งออกของไทย ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงอยู่ที่ปัญหาด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัวอยู่