เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป ไม่หวั่นเดินหน้าเปิดเดอะ รีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2 คอนโดโลว์ไรส์ เจาะกลุ่มนิชที่ต้องการบ้านหลังที่สองใจกลางเมือง เริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาท มูลค่า 400 ล้านบาท
นายกษิดิศ มโนภินิเวศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดีในโครงการ บ้านวิววิมาน หัวหิน และเซนทริโอ ภูเก็ต เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในโอกาสแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ เดอะ รีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2 ว่า กลุ่มบริษัทเอเบิ้ล แอสเสท จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ชำระเต็ม) เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท โดยทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจก่อสร้างมานานกว่า 16 ปี ซึ่งที่ผ่านมา เคยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบบริษัท และการรวมกลุ่มพัฒนาโครงการต่างๆ ในเมืองท่องเที่ยวมาแล้วหลายโครงการ โดยมีผลงานพัฒนาโครงการ เซนทริโอ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัย มูลค่ารวม 1,400 ล้านบาทแล้วเสร็จสมบูรณ์
โดยนโยบายในการลงทุนของบริษัท เอเบิ้ล แอสเสทฯ ในช่วง 1-2 ปีจากนี้จะเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง เพื่อก้าวไปสู่ผู้นำในวงการอสังหาฯ ควบคู่ไปกับการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทำเลทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในหัวเมืองสำคัญของประเทศ ประมาณ 2-3 โครงการต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 500-1,500 ล้านบาทขึ้นไป โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อใช้ชีวิตในเมืองที่ทันสมัย สะดวกสบาย และปลอดภัย
โครงการ เดอะ รีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2 (THE REMARKABLE SOONVIJAI 2) คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ (Low rise) ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในสไตล์ทันสมัย ในทำเลที่สะดวก ใกล้โรงพยาบาล ร้านค้า ร้านอาหาร เชื่อมต่อการเดินทางสู่ถนนสายหลัก และทางด่วน ตัวโครงการได้รับการออกแบบเพื่อการพักอาศัยอย่างแท้จริง ด้วยพื้นที่ใช้สอยพอเหมาะ จัดพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สีเขียวที่ร่มรื่นให้คุณพักผ่อนได้อย่างสงบ และปลอดภัย ที่สามารถตอบสนองรูปแบบชีวิตคนเมืองได้อย่างแท้จริง นอกจากรูปแบบห้องที่สามารถปรับได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานที่หลากหลาย เรายังให้ความสำคัญต่อการสร้างนิยามของการอยู่อาศัยที่เป็นมากกว่าคำว่าบ้าน ตัวโครงการประกอบไปด้วย อาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ 0-3-24 ไร่ มีห้องชุด จำนวน ทั้งสิ้น 87 ยูนิต มีห้องให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย แบบ 1 ห้องนอน (One Bedroom) ขนาด 30.31-50 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน (Two Bedrooms) ขนาด 54.75-55.21 ตารางเมตร และเพนต์เฮาส์ (Penthouse) ขนาด 83.16 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาท
การออกแบบโครงการ เดอะ รีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2 ที่ใช้สเปซที่โปร่งโล่ง กระจกสูง และแผงกันความร้อน ทำให้ลดความร้อนในอาคาร ประหยัดพลังงาน ช่วยให้คุณอยู่อาศัยได้อย่างสบาย และประหยัดค่าใช้จ่าย ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ล็อบบี้ ทั้ง INDOOR & OUTDOOR ห้องออกกำลัง สวนส่วนกลาง ห้องน้ำส่วนกลาง สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อม JET SPA ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว สวนส่วนตัว (บางยูนิต) ที่จอดรถ พร้อมบริการรถรับส่ง ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV/KEY CARD ACCESS พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ระบบเตือนเพลิงตรวจจับควันอัตโนมัติ และระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ตู้ดับเพลิง และถังเคมีดับเพลิง
จากรายงานของบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ระดับราคาคอนโดมิเนียมบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา และย่านสุขุมวิทถึงพระโขนง ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนอุปทาน และราคา โดยคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิทถึงพระโขนง มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 226,000 บาทต่อตารางเมตร ในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 50% ขณะที่คอนโดมิเนียมบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 111,000 บาทต่อตารางเมตร ในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 28% สำหรับยอดขายโครงการเปิดใหม่ยังมีอัตราการขายที่ดีไม่ปรับตัวลดลง
“ผมมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 2558 จะไม่แตกต่างจากช่วงต้นปีมากนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงทรงตัว แม้ว่ารัฐบาลพยายามเร่งการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ และเดินหน้าโครงการต่างๆ มากขึ้นก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะยังคงไม่ขยายตัวมากนัก เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับแผนการเปิดขายโครงการใหม่โดยลดจำนวนโครงการลง และเลือกเปิดขายในบางทำเลเท่านั้น ซึ่งเราเองจากการคลุกคลีอยู่กับกลุ่มลูกค้าทำให้เราสัมผัสได้ว่า ลูกค้าต้องการอะไร ทำเลของเราน่าจะตอบโจทย์กับลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังแรก หรือหลังที่สองก็ตาม ที่อยู่ในซอยที่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ แต่เงียบสงบ ไม่แออัด สะดวก และอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีความร่มรื่น เป็นธรรมชาติ และประหยัดพลังงาน สิ่งเหล่านี้จึงเกิดเป็นความคุ้มค่าต่อผู้อยู่อาศัย เชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่คอนโด แต่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง” นายกษิดิศ กล่าว