“All-in” ศัพท์คำนี้จริงๆ แปลว่า ใส่หมด จัดเต็ม อะไรประมาณนี้ครับ ในแนวของนักลงทุนแบบเราๆ ก็คือ ถ้ามั่นใจตัวไหนก็จัดเต็มไปเลยจะได้กำไรแบบเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งมันขัดกับคำว่า Diversified หรือ “กระจายความเสี่ยง” ที่เราคุ้นหูกันจัง
ช่วงนี้ภาพยนตร์ Superhero ขายดีไปทั่วโลกครับ ผมเลยอยากให้คุณผู้อ่านได้มาดูภาพนี้ไปด้วยกัน (Credit จาก The Geek Twins)
Marvel คือ ต้นตำรับ และเจ้าของลิขสิทธิ์ฮีโร่มากที่สุดเรียกได้ว่า Full-team เลยทีเดียว เพราะในทุกๆ ปีจะมีตัวละครจาก Marvel ออกมาโลดโผนในจอภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า 2 คาแร็กเตอร์แน่นอน (หุ้น Marvel เคย listed ในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยนะครับ แต่โดน Disney ซื้อกิจการไปแล้วตั้งแต่ปี 2009)
ในขณะที่ 20 century Fox อีกหนึ่งค่ายดัง ก็มีฮีโร่ในพอร์ตระดับหนึ่งที่ปนๆ กันไป ขายได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วลองดู Sony Pictures สิครับ มี Spiderman ในพอร์ตแค่ตัวเดียว แต่สร้างกำไรมากที่สุดในกลุ่มฮีโร่ และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตั้งแต่ปี 1999 เรียกได้ว่า Sony สามารถรันเทรนด์สไปดี้ของเราได้ในแบบ VI ตัวจริง
มานั่งนึกๆ ดูถ้าเป็นเราล่ะ จะเลือกกระจายความเสี่ยงใน Wolverine, Ghost rider, Thor กับ Ant-man มั้ย หรือจะเลือกจัดเต็มแค่ Spiderman แล้วถือกันยาวๆ
อย่างว่าแหละครับ .. การวิเคราะห์พื้นฐานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลงทุน ต่อให้มั่นใจในเทคนิคแค่ไหนแต่ถ้าคุณไม่เข้าใจพื้นฐานธุรกิจเลย การใส่เงินด้วยจำนวนที่เยอะ และการทนถือยาวๆ ย่อมเป็นไปได้ยาก นักลงทุนจึงควรมีหุ้นในดวงใจอย่างน้อยสองถึงสามตัวที่เราเข้าใจธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ใข่ซื้อหุ้นกระจัดกระจาย 10-20 ตัว โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย การกระจายความเสี่ยงบางทีจึงเหมือนการกระจายความ “ไม่รู้” ออกไปมากกว่า การซื้อหุ้นในตลาดก็เหมือนกันดูดีๆ ครับว่า เวลาไหนควร “กระจุก” แล้วเวลาไหนควร “กระจาย” ไม่งั้นระรวยได้ไง จริงมั้ย !?
ปุณยวีร์ จันทรขจร (เป็ก) หัวหน้าทีม Ninja Assassin
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง