คอมเซเว่น เทรดวันแรกเหนือจอง 0.81 บาท หรือ 24.81% ผู้บริหารปลื้มนักลงทุนตอบรับดี ขณะโบรกฯ มองอนาคตสดใสจากการขยายสาขาส่งผลดีต่อยอดขาย รวมทั้งรายได้จากการบริการจะส่งผลให้มีนัยสำคัญต่อกำไรให้ราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 4.46 บาท
วานนี้ (9 ส.ค.) หุ้นของ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เข้าเทรดวันแรก โดยเมื่อเปิดตลาดพบว่า ราคาหุ้นปรับบวกขึ้นไปอยู่ที่ 4 บาท จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 3.35 บาท ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 4.98 บาท ต่ำสุดที่ 3.98 บาท และเมื่อปิดตลาดพบว่า ราคาหุ้นมาปิดที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.81 บาท หรือ 24.81% จากราคาจอง มูลค่าซื้อขาย 6,752.78 ล้านบาท
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น หรือ COM7 กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่หุ้นของ COM7 เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 10% เนื่องจากสินค้าไอที-สมาร์ทโฟน มียอดขายที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่ 1% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนขายหุ้น IPO ไปใช้จ่ายหนี้ที่มีอยู่ จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนี้สินต่อทุนหรือ D/E ลดลงจากเดิม 4 เท่า เหลือเพียง 2 เท่า
โดย บริษัทฯ คาดว่า ในอนาคตยอดขายจะเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 500 สาขา ภายในปี 2560 จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 300 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ 1-5 ล้านบาท อีกทั้งจะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาในอุตสาหกรรมไอทีต่อเนื่องเพิ่มมากขึ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินจากบทวิเคราะห์ว่า คาดว่ากำไรสุทธิปี 2015-2016 จะเติบโตแข็งแกร่ง 27.8% และ 33.5% ตามลำดับ จากรายได้จากการขายสินค้าที่เติบโตนำโดยส่วนของโทรศัพท์มือถือ ส่วนรายได้จากการให้บริการมีศักยภาพการเติบโตสูงจาก iCare ขณะที่ Margin คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจาก Product Mix ที่เปลี่ยนไปรวมถึงปัจจัยบวกหลังสามารถสั่งซื้อ iPhone โดยตรงจาก Apple ได้ ประเมินราคาเหมาะสมปี 2015 ตามปัจจัยพื้นฐานอิงระดับ PE 20 เท่าโดยอิงจากค่าเฉลี่ยของคู่แข่งในตลาดคือ JMART คำนวณราคาเหมาะสมได้ที่ 4.46 บาท
โดยคาดกำไรสุทธิปี 2015 และ 2016 ของ COM7 จะเติบโตแข็งแกร่งที่ 268 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.8% จากปีก่อนและ 358 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.5% จากปีก่อนตามลำดับ จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตจากสินค้าโทรศัพท์มือถือที่คาดว่ายังชดเชยสินค้าไอทีส่วนอื่นๆ ที่หดตัว รวมถึงแรงหนุนจาก 4G ที่จะมาในอนาคตคาดว่าจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องมือถืออีกครั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นขายสินค้าอุปกรณ์เสริมมากยิ่งขึ้น ขณะที่ฝั่ง Gross Margin คาดว่าจะปรับตัวขึ้นปีละ 0.5% จาก 11.9% ในปี 2014 จาก Product Mix ที่เปลี่ยนไป
รวมถึงได้ข้อตกลงที่ดีขึ้นกับคู่ค้า ขณะที่การมีสาขา 100 สาขาในปัจจุบันป็นจุดรับเครื่องเพื่อส่งต่อมารับบริการซึ่งเสมือนการขยายสาขา iCare โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ และที่สำคัญรายได้ในส่วนนี้ยังมี Gross Margin ที่ค่อนข้างสูงกว่าอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับการขายสินค้าของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 12-13% ถึงแม้ในแง่ของรายได้จากการให้บริการอาจจะดูน้อย (100-200 ล้านบาท) หากเทียบกับฐานรายได้จากการขายสินค้า แต่ในแง่ของกำไรถือว่าค่อนข้างมีนัย
