โจนส์แลงฯ เผยการลงทุนซื้อขายอาคารใช้สอยเชิงธุรกิจทั่วโลกไตรมาส 2 ทรงตัว ยอดการลงทุนรวม 161,000 ล้านดอลลาร์ อเมริกา ยังแชมป์การลงทุนซื้อ-ขายอาคารอันดับ 1 มูลค่าลงทุนขยายตัวเพิ่ม 18% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปี 57 ยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง มูลค่าการลงทุนเพิ่ม 11% เอเชียแปซิฟิก หดตัว 19% ขณะที่ฮ่องกง เป็นเมืองที่มีการลงทุนร้อนแรงที่สุด มีอัตรากรขยายตัวสูงถึง 88%
นายเดวิด กรีน-มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุนบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) กล่าวว่า แม้จะเกิดวิฤตการณ์หนี้ของกรีซ และความปั่นป่วนในตลาดหุ้นของจีน ข้อมูลที่จัดเก็บรวบรวมในเบื้องต้นโดยบริษัทที่ปรึกษา และบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) แสดงให้เห็นว่า ปริมาณการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจ (อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ทั่วโลกในไตรมาส 2 ของปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
เมื่อแยกย่อยออกเป็นภูมิภาค พบว่า ภูมิภาคอเมริกา มีการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจมากเป็นอันดับ 1 ในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยมีรวมมูลค่าทั้งสิ้น 79,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว และเป็นสถิติของไตรมาส 2 ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในโลก โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
ส่วนภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายเพิ่มขึ้น 11% ในไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้ ประเทศแถบยุโรปตอนใต้มีมูลค่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 47% ส่วนอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมมี มูลค่าเพิ่มขึ้น 15% ในขณะกลุ่มประเทศนอร์ดิกขยายตัวเพิ่ม 38%
ขณะที่เอเชียแปซิฟิก กิจกรรมการลงทุนซื้อขายอาคารที่ลดลงในญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งปกติเป็นตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค ส่งผลให้มูลค่าโดยรวมของทั้งภูมิภาคลดลงตาม โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ลดลง 19% เมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐด้วย ทั้งนี้ ฮ่องกง เป็นตลาดการลงทุนซื้อขายที่ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคในไตรมาสที่ผ่าน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 88%
นายเดวิด กรีน-มอร์แกน กล่าวว่า “อัตราดอกเบี้ยโลกที่มีปรับตัวลดลง คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้มีนักลงทุนสนใจหาโอกาสการลงทุนซื้ออาคารเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น เราเชื่อว่า มูลค่าการลงทุนซื้อขายทั่วโลกในปีนี้น่าจะมียอดรวมขึ้นไปได้ถึง 750,000-760,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีที่แล้วราว 5%
เครดิตภาพ: http://downloads.grohe.com/images/references/objects/8/opera-tower-frankfurt.main.jpg
นายเดวิด กรีน-มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุนบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) กล่าวว่า แม้จะเกิดวิฤตการณ์หนี้ของกรีซ และความปั่นป่วนในตลาดหุ้นของจีน ข้อมูลที่จัดเก็บรวบรวมในเบื้องต้นโดยบริษัทที่ปรึกษา และบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) แสดงให้เห็นว่า ปริมาณการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจ (อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ทั่วโลกในไตรมาส 2 ของปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
เมื่อแยกย่อยออกเป็นภูมิภาค พบว่า ภูมิภาคอเมริกา มีการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจมากเป็นอันดับ 1 ในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยมีรวมมูลค่าทั้งสิ้น 79,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว และเป็นสถิติของไตรมาส 2 ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในโลก โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
ส่วนภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายเพิ่มขึ้น 11% ในไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้ ประเทศแถบยุโรปตอนใต้มีมูลค่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 47% ส่วนอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมมี มูลค่าเพิ่มขึ้น 15% ในขณะกลุ่มประเทศนอร์ดิกขยายตัวเพิ่ม 38%
ขณะที่เอเชียแปซิฟิก กิจกรรมการลงทุนซื้อขายอาคารที่ลดลงในญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งปกติเป็นตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค ส่งผลให้มูลค่าโดยรวมของทั้งภูมิภาคลดลงตาม โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ลดลง 19% เมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐด้วย ทั้งนี้ ฮ่องกง เป็นตลาดการลงทุนซื้อขายที่ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคในไตรมาสที่ผ่าน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 88%
นายเดวิด กรีน-มอร์แกน กล่าวว่า “อัตราดอกเบี้ยโลกที่มีปรับตัวลดลง คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้มีนักลงทุนสนใจหาโอกาสการลงทุนซื้ออาคารเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น เราเชื่อว่า มูลค่าการลงทุนซื้อขายทั่วโลกในปีนี้น่าจะมียอดรวมขึ้นไปได้ถึง 750,000-760,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีที่แล้วราว 5%
เครดิตภาพ: http://downloads.grohe.com/images/references/objects/8/opera-tower-frankfurt.main.jpg