xs
xsm
sm
md
lg

พลัสแนะลงทุนอสังหาฯ นิวยอร์กชี้ราคาพุ่ง 18.8% ซัปพลายแค่ 5,800 ยูนิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ
พลัส ชี้อสังหาฯ นิวยอร์กน่าลงทุนหลังปี 57 ราคาพุ่ง 18.8% ขณะที่ซัปพลายในตลาดปัจจุบันมีแค่ 5,800 ยูนิต อัตราปล่อยเช่าสูง 98% ผลตอบแทน 3-4% ราคาขายเฉลี่ย 1,678 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต เผยมีลูกค้าชาวไทยสนลงทุน 4-5 ราย ราคาที่ต้องการซื้อ 1-3 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของนิวยอร์กยังคงร้อนแรงต่อเนื่องหลังจากที่ปี 2557 ราคาปรับเพิ่มมาจากปี 2556 ถึง 18.8% ซึ่งถือว่ามีการปรับตัวสูงมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกในปีดังกล่าว สะท้อนให้เห็นการกลับมาของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และศูนย์กลางทางการเงินของโลก และการที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กับการตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากรายงานล่าสุดของ Corcoran โบรกเกอร์ในนิวยอร์กระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมเมื่อสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2558 บนเกาะแมนฮัตตัน ราคาเฉลี่ยต่อตารางฟุต 1,673 เหรียญสหรัฐ หรือราคาประมาณ 6 แสนบาท/ตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้จะมีโครงการใหม่พัฒนามากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนห้องชุดทั้งจากโครงการสร้างใหม่ และห้องชุดมือสองที่เสนอขายอยู่ในตลาดมีเพียง 5,800 ห้องเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีห้องชุดเสนอขายในตลาดสูงถึง 12,000 ห้อง

ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมในตลาดของแมนฮัตตันจะใช้เวลาเพียงประมาณ 3 เดือนเท่านั้นในการขาย ขณะที่ระดับปกติในการขายของตลาดอยู่ที่ 7 เดือน ซึ่งหมายความว่า จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ในตลาดยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และยังมีน้อยกว่าความต้องการ

“นิวยอร์กถือเป็นเมืองหลวงของโลกเป็นสถานที่ในฝันของคนส่วนใหญ่ในการเริ่มต้นชีวิตการทำงาน และการสร้างฐานะ เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำของโลกมากมาย ดังนั้น นักศึกษาที่จบจากสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น MIT, Harvard หรือ Stanford ก็ล้วนแต่ต้องการที่จะมาทำงานที่นี่ทั้งนั้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองนี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง” นายภูมิศักดิ์ กล่าว
คอนโดมิเนียมในนิวยอร์กนั้นมีเสนอขาย 3 แบบก็คือ 1.คอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้าง หรือโครงการใหม่ 2.คอนโดมิเนียมในโครงการเก่า หรือ Resale และ 3.คอนโดมิเนียมในรูปแบบการซื้อหุ้นของบริษัท หรือ Co-Op โดยราคาโครงการใหม่จะสูงสุด ถัดลงมาคือ Resale และถูกที่สุดคือ Co-Op

พื้นที่หลักๆ ในเกาะแมนฮัตตันแบ่งเป็น 6 เขตหลักๆ คือ 1.Uptown พื้นที่ตอนบนของ Central Park 2.East Side พื้นที่ด้านขวาของ Central Park 3.West Side พื้นที่ด้านซ้ายของ Central Park 4.Midtown พื้นที่ตอนกลางของเกาะซึ่งอยู่ติดกับ Central Park ฝั่งทิศใต้ 5.Downtown พื้นที่ช่วงล่างของเกาะตั้งอยู่ระหว่าง Midtown กับ Financial District 6.Financial District & Battery Park City เป็นพื้นที่ด้านล่างสุดของเกาะ เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำต่างๆ ของโลก รวมถึงตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตึก World Trade Center

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก พื้นที่ที่ร้อนแรงที่สุด คือ ย่าน Mid-Town (ด้านล่างของ Central Park) บริเวณนี้มียอดขายเพิ่มขึ้น 37% ระยะเวลาที่คอนโดมิเนียมเสนอขายอยู่ในตลาดลดลง 5% และราคาขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตขยับขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในด้านตลาดเช่า ข้อมูลในเดือนมิถุนายน 2558 จาก Douglas Elliman โบรกเกอร์อีกรายในนิวยอร์ก ระบุว่า อัตราการเข้าอยู่อาศัยอยู่ที่ 98% ลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมา เพราะจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่ที่แล้วเสร็จมีเข้ามาในตลาดมากขึ้น แต่ยังถือว่าเป็นอัตราการอยู่อาศัยที่สูงมาก

“จำนวนวันเฉลี่ยที่คอนโดมิเนียมจะสามารถปล่อยเช่าได้เมื่อเข้าสู่ตลาดคือ 38 วัน ลดลงจาก 41 วันของเดือนก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยในมหานครนี้เป็นอย่างดี ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3% จึงเป็นโอกาสที่ดีของเศรษฐีไทยที่สามารถเข้าไปลงทุนได้ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนโดยทำการลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในสกุลเงินที่มีความผันผวนน้อย และเป็นเงินสกุลหลักของโลก เช่น US Dollar” นายภูมิศักดิ์ กล่าว

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลสนับสนุนให้มีการสร้างตึกใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับต่อความต้องการของตลาด โดยจะเห็นว่ามีการนำพื้นที่จอดรถเดิม หรือปั๊มน้ำมันมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งโครงการใหม่เหล่านี้ยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปีในการสร้างเสร็จ อีกไม่นานเราก็คงได้เห็นตึกระฟ้า (Skyscraper) ที่ออกแบบให้มีความสวยงามแปลกใหม่ และก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีใหม่มากขึ้นในนิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันตึกที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกของนิวยอร์กก็จะเป็น ตึก Empire State ตึก Rockefeller และตึก One World Trade เชื่อได้ว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้คงมีตึกใหม่ๆ ที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นอีกหลายตึกด้วยกัน

“ที่ผ่านมา พลัสได้ทำการตลาดอสังหาฯ ในนิวยอร์กมาแล้วเกือบ 3 ปี ด้วยการพาเศรษฐีจากเมืองไทยไปซื้อพร้อมบริการครบวงจร ถึงปัจจุบันมีกว่า 10 ราย ราคาที่ซื้อตั้งแต่ 1-9 ล้านเหรียญสหรัฐ และขณะนี้มีลูกค้าอยู่ระหว่างเจรจา และเตรียมเดินทางไปดูอสังหาฯ ในนิวยอร์ก่อนตัดสินใจซื้ออีก 4-5 ราย ราคาที่ลูกค้าสนใจอยู่ที่ประมาณ 1-3 ล้านเหรียญสหรัฐ” นายภูมิศักดิ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น