ไวส์ โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 28 ก.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,260 ล้านบาท
ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 โดยจะเข้าจดทะเบียนในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ทั้งนี้ WICE เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทางทะเลและทางอากาศครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และการขนส่งในประเทศ WICE มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเส้นทางการขนส่งทางทะเล ปัจจุบันครอบคลุมท่าเรือหลักในเขตการค้าสำคัญในประเทศต่างๆ โดยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก รองลงมาได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย และประเทศจีน
WICE มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไป (IPO) เมื่อวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 2.10 บาท มูลค่าระดมทุน 315 ล้านบาท ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,260 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางอารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตของบริษัท โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปสร้างคลังสินค้า เพิ่มจำนวนรถบรรทุกหัวลาก-หางพ่วง ขยายพื้นที่ลานจอดรถบรรทุก พัฒนาระบบสารสนเทศ และใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ เพื่อรองรับการขยายตัวด้านโลจิสติกส์ และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างมีศักยภาพต่อไป
WICE มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวคงสุนทร และตันติกุลสุนทร 64.7% กลุ่มนาย ลิม เมง ปุย 7.8% และ นาย ฟุง ไตย ไวย 2.6% ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 21 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 เมษายน 2557-31 มีนาคม 2558) ซึ่งเท่ากับ 59.98 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด