บล.ไทยพาณิชย์ ชี้รัฐบาลปรับ ครม.เศรษฐกิจไม่กระทบตลาดหุ้น เพราะไม่ว่าใครมาเป็น รมต. นโยบายก็ยังเหมือนเดิม แต่การปรับเปลี่ยนตัวอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นบ้าง เชื่อตลาดหุ้นจะผันผวนไตรมาส 3 ก่อนปรับตัวในไตรมาสสุดท้าย และสิ้นปีอาจแตะ 1,600 จุด โดยระยะยาวน่าจะไปถึง 1,800 จุด ย้ำชัดภาคส่งออกไม่น่ากังวลแม้จะติดลบต่อเนื่อง
นายพรเทพ ชูพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยประเมินว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก
ทั้งนี้ มองว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกันมาก เพราะโครงการลงทุนต่างๆ และนโยบายยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป แต่การปรับเปลี่ยนอาจจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ และนักลงทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปีหลังมองว่า ค่อนข้างมีความผันผวน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จากปัจจัยลบในต่างประเทศ ทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจกรีซที่แม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่แนวโน้มในอนาคตอาจจะกลับมาได้อีก รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็จะไม่ทำให้ภาพรวมตลาดชะลอลง
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มตลาดหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 ไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นจากการที่รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมองว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะ 1,600 จุดได้ในสิ้นปีนี้ และระยะยาวมองว่าดัชนีจะปรับขึ้นถึง 1,800 จุด ส่วนแนวรับคาดว่าจะไม่ปรับตัวต่ำกว่า 1,400 จุดอย่างแน่นอน
ส่วนสถานการณ์การส่งออกของไทยขณะนี้แม้จะติดลบติดต่อกัน แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ การส่งออกของไทยถือว่าติดลบน้อย และอยู่ในอันดับต้นๆ เท่านั้น ซึ่งการติดลบนั้นเป็นผลมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง
นายพรเทพ ชูพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยประเมินว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก
ทั้งนี้ มองว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกันมาก เพราะโครงการลงทุนต่างๆ และนโยบายยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป แต่การปรับเปลี่ยนอาจจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ และนักลงทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปีหลังมองว่า ค่อนข้างมีความผันผวน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จากปัจจัยลบในต่างประเทศ ทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจกรีซที่แม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่แนวโน้มในอนาคตอาจจะกลับมาได้อีก รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็จะไม่ทำให้ภาพรวมตลาดชะลอลง
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มตลาดหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 ไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นจากการที่รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมองว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะ 1,600 จุดได้ในสิ้นปีนี้ และระยะยาวมองว่าดัชนีจะปรับขึ้นถึง 1,800 จุด ส่วนแนวรับคาดว่าจะไม่ปรับตัวต่ำกว่า 1,400 จุดอย่างแน่นอน
ส่วนสถานการณ์การส่งออกของไทยขณะนี้แม้จะติดลบติดต่อกัน แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ การส่งออกของไทยถือว่าติดลบน้อย และอยู่ในอันดับต้นๆ เท่านั้น ซึ่งการติดลบนั้นเป็นผลมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง
