xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด “เสนาดีเวลลอปเม้นท์” ไฟเขียวเพิ่มทุนไม่เกิน 262 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิมในราคาส่วนลดไม่เกิน 50%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด “เสนาดีเวลลอปเม้นท์” ไฟเขียวเพิ่มทุนไม่เกิน 262 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิมในราคาส่วนลดไม่เกิน 50% ของราคาตลาด เป้าหมายเพื่อเข้าลงทุนใน TTRE 99.9995% ปักธงให้เป็นหัวหอกในการช่วยลุยธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน พร้อมเปิดฉากลงทุนร่วมกับบีกริมฯ โครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 3,336 ล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจการรุกคืบสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อสังคม สร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ที ที รีนิวเอเบิ้ลเอนเนอร์ยี่ จำกัด (TTRE) จำนวน 425,998 หุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99.9995 ของทุนจดทะเบียน ในราคาตามมูลค่าหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 425,998,000 บาท ซึ่ง TTRE ลงทุนในกิจการที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยร่วมกับบริษัท บี.กริมเพาเวอร์ จำกัด (BGP) เพื่อถือหุ้นของบริษัท บี.กริม ทีทีอาร์อี โซลาร์ เพาเวอร์ จำกัด (BGTTRE) ในสัดส่วนร้อยละ 51 และ 49 ตามลำดับ โดย BGTTRE จะประกอบกิจการลงทุนในกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าเงินลงทุนในส่วนของ TTRE ประมาณ 1,701.4 ล้านบาท จากมูลค่าเงินลงทุนของโครงการทั้งหมดประมาณ 3,336.0 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ขึ้นอีก 351,760,533 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 882,749,924 บาท เป็น 1,234,510,457 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 351,760,533 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)

โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 262,763,037 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนถืออยู่ (Right Offering) และเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 87,587,679 หุ้น ส่วนที่เหลืออีกจำนวนไม่เกิน 1,409,817 หุ้น จัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย ครั้งที่ 4 (SENA-WD) และการปรับสิทธิสำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่ออกให้แก่ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย ครั้งที่ 1 (SENA-WA), ครั้งที่ 2 (SENA-WB) และครั้งที่ 3 (SENA-WC)

สำหรับการกำหนดราคาขายนั้น ในส่วนที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมกำหนดราคาเสนอขายที่มีส่วนลดไม่เกินร้อยละ 50 ของราคาตลาด (คำนวณโดยอ้างอิงกับราคาซื้อขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 15 วันทำการก่อนวันที่คณะกรรมการมีมติกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน) และในส่วนของบุคคลในวงจำกัด กำหนดราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ ทจ.28/2551และ ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สจ.39/2551 เรื่องการคำนวณราคาเสนอขายหลักทรัพย์และการกำหนดราคาตลาดเพื่อการพิจารณาการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำ (ประกาศ สจ. 39/2551) อย่างไรก็ดีร าคาเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัดนี้จะไม่ต่ำกว่าราคาเสนอขายหุ้นต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน

ดร.เกษรา ระบุว่าการตัดสินใจเข้าลงทุนใน TTRE เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการลงุทนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ SENA ในหลายๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่การทำให้มีแหล่งรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว โดยคาดว่าโครงการที่ TTRE ไปลงทุนจะได้กำไรในอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยมีผลตอบแทนโครงการประมาณ 11-14% ต่อปี อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำโครงการ Solar Farm ทำให้มีรายได้จากการประกอบการได้เร็วกว่าการเริ่มต้นขอใบอนุญาตต่างๆ และเริ่มลงทุนก่อสร้างด้วยตนเอง และที่สำคัญ SENA จะมีประสบการณ์จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ต่อยอดการผลิตไฟฟ้า Solar Farm และ Solar Rooftop ซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี

“เรามั่นใจว่าการเข้าไปรุกธุรกิจพลังงานทดแทนจะช่วยต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ เพราะเรามีศักยภาพในการจัดหาพื้นที่ในการทำโซลาร์ฟาร์ม และที่สำคัญโซลาร์ฟาร์มที่เราจับมือกับพันธมิตรมีสัญญารับซื้อไฟฟ้ารองรับแล้ว คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า อีกทั้งการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งแผงโซลาร์ จะทำให้เกิด Economic of Scale ขยายไปสู่การทำ Solar Rooftop ในโครงการบ้านของ SENA ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่จะซื้อบ้านของบริษัทในอนาคต เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บ้าน สอดคล้องต่อวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บ้านของลูกค้า และที่สำคัญบริษัทยังมีการบริการหลังการขายที่ครบวงจร 360 องศา ทำให้ลูกค้าสบายหากมีการติดตั้งแผงโซลาร์กับบริษัท และเตรียมขยายไปสู่โครงการอื่น เนื่องจากการร่วมมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่จะทำให้ต้นทุนแผงโซล่าร์ถูกลง เอื้อต่อการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าของ SENA เท่านั้น” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด

ผศ.ดร.เก ษรา กล่าวในช่วงท้ายว่า การเข้ารุกธุรกิจพลังงานของบริษัทถือเป็นการตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจได้อย่างลงตัว เพราะธุรกิจพลังงานทดแทนจะช่วยเพิ่ม Recurring Income (รายได้ประจำ) ให้แก่บริษัทเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่ 8% ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่ที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม

นอกเหนือจากการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่มีความชำนาญด้านธุรกิจพลังงานทดแทนอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ในการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน Solar Farm ร่วมกันแล้ว ก่อนหน้านี้ SENA ลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่าง บริษัท Confidante Capital จำกัด ที่ปรึกษาทางการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และบริษัท First Solar จำกัด ผู้นำการผลิตโซล่าร์เซลล์ยักษ์ใหญ่ของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการต่อยอด และรุกเข้าสู่ธุรกิจ Solar Rooftop ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


กำลังโหลดความคิดเห็น