เดอะ สตีล เพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น จัดสรร “สุรช จิระพงษ์ตระกูล-นิรุตต์งามชํานัญฤทธิ์” รายละ 75 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5 บาท พร้อมเข้าซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4 รายการ รวมทั้งสิ้น 352 ล้านบาท เตรียมเรียกประชุมผู้ถือหุ้นที่ 28 สิงหาคม 2558 นี้
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สตีล จํากัด (มหาชน) หรือ THE แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อ 17 ก.ค.58 ว่า บริษัท ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 500 ล้านบาท เป็น 400,005,080 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจําหน่ายของบริษัท 99,994,920 หุ้น หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 400,005,080.00 บาท เป็น 550,005,080.00 บาท พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท พร้อมให้จัดสรรหุ้นเพิ่้มทุน 150 ล้านหุ้น ให้บุคคลในวงจํากัด (Private Placement: PP) แบ่งเป็น 75 ล้านหุ้น ให้นายสุรช จิระพงษ์ตระกูล ในราคา 5 บาท และ 75 ล้านหุ้น ให้นายนิรุตต์งามชํานัญฤทธิ์ ในราคา 5 บาท
พร้อมกันนี้ ยังซื้อที่ดิน 4 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่หนึ่ง เนื้อที่ดินรวม 7 ไร่ 1 งาน 47 ตารางวา พร้อมอาคารสํานักงาน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในราคารวม 148 ล้านบาท อีกทั้งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์รวม 7 รายการ จากบริษัท คิมเส็งค้าเหล็ก จํากัด ซึ่งมีทรัพย์สิน 6 รายการ ในราคารวม 4 ล้านบาท อีกทั้ง ซื้อที่ดิน 2 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จากนายนิรัมดร์ งามชํานัญฤทธิ์ (ซึ่งเป็นบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2) ที่ดิน 16 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา และอาคารสํานักงานราคารวม 146 ล้านบาท และซื้อครื่องจักรและอุปกรณ์รวม 37 รายการ จากบริษัท มหาชัยศูนย์รวมเหล็ก จํากัด (ซึ่งมีผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่สองและบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอํานาจ) ซึ่งมีเครื่องจักรหลักและเครื่องชั่ง 9 รายการ ในราคารวม 54 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัท แคปปิ ตอล แอ๊ดแวนเทจ จํากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัท ในการทำรายการข้างต้น พร้อมอนุมัติกําหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 28 สิงหาคม 2558
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สตีล จํากัด (มหาชน) หรือ THE แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อ 17 ก.ค.58 ว่า บริษัท ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 500 ล้านบาท เป็น 400,005,080 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจําหน่ายของบริษัท 99,994,920 หุ้น หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 400,005,080.00 บาท เป็น 550,005,080.00 บาท พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท พร้อมให้จัดสรรหุ้นเพิ่้มทุน 150 ล้านหุ้น ให้บุคคลในวงจํากัด (Private Placement: PP) แบ่งเป็น 75 ล้านหุ้น ให้นายสุรช จิระพงษ์ตระกูล ในราคา 5 บาท และ 75 ล้านหุ้น ให้นายนิรุตต์งามชํานัญฤทธิ์ ในราคา 5 บาท
พร้อมกันนี้ ยังซื้อที่ดิน 4 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่หนึ่ง เนื้อที่ดินรวม 7 ไร่ 1 งาน 47 ตารางวา พร้อมอาคารสํานักงาน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในราคารวม 148 ล้านบาท อีกทั้งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์รวม 7 รายการ จากบริษัท คิมเส็งค้าเหล็ก จํากัด ซึ่งมีทรัพย์สิน 6 รายการ ในราคารวม 4 ล้านบาท อีกทั้ง ซื้อที่ดิน 2 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จากนายนิรัมดร์ งามชํานัญฤทธิ์ (ซึ่งเป็นบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2) ที่ดิน 16 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา และอาคารสํานักงานราคารวม 146 ล้านบาท และซื้อครื่องจักรและอุปกรณ์รวม 37 รายการ จากบริษัท มหาชัยศูนย์รวมเหล็ก จํากัด (ซึ่งมีผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่สองและบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบิดาของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นคนที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอํานาจ) ซึ่งมีเครื่องจักรหลักและเครื่องชั่ง 9 รายการ ในราคารวม 54 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัท แคปปิ ตอล แอ๊ดแวนเทจ จํากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัท ในการทำรายการข้างต้น พร้อมอนุมัติกําหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 28 สิงหาคม 2558
